“บิ๊กตู่” แขวะ“จำนำข้าวเป็นยังไง!อย่าลืม

18 ก.ย. 2562 | 10:50 น.

“บิ๊กตู่”ชี้แจงสภาฯ รัฐบาลทำตามนโยบายการเงินการคลังเคร่งครัด ชี้ ที่มาแหล่งเงิน ให้ดูใน งบฯ ปี 63   แขวะ “จำนำข้าว” ระบุในนโยบายแล้วเป็นยังไงอย่าลืม 

“บิ๊กตู่” แขวะ“จำนำข้าวเป็นยังไง!อย่าลืม

วันที่ 18 ก.ย. 2562 ที่รัฐสภา พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม กล่าวชี้แจงแหล่งที่มาของงบประมาณที่นำมาบริหารประเทศตามนโยบายของรัฐบาล โดยยืนยันว่า การบริหารงบประมาณรัฐบาลและตนเคารพและดำเนินการตามนโยบายเงินการคลังอย่างเคร่งครัด และคำนึงถึงผลดีผลเสียในการดำเนินการ มีการดูแลประชาชนทุกภาคส่วนทั้งประเทศ ป้องกันไม่ให้ฝ่ายการเมืองก่องบผูกพันจนเป็นภาระของงบประมาณ และคำนึงถึงผลดีผลเสียในการดำเนินการมีการดูแลประชาชนทุกภาคส่วนทั้งประเทศไม่ใช่ดูแลเฉพาะพื้นที่พรรคของตัวเองเท่านั้น ส่วนประเด็นที่มาของรายได้นั้น รัฐบาลแถลงนโยบายต่อรัฐสภาไปเรียบร้อยแล้ว โดยมีนโยบายหลัก 12 ด้าน และมีนโยยายเร่งด่วนอีก 12 ด้าน ทั้งนี้ ยืนยันว่ารัฐบาลไม่ได้มุ่งหวังรีดภาษีประชาชนโดยจัดเก็บภาษีอย่างเท่าเทียม ยุติธรรม และการจัดทำงบประมาณต้องเป็นไปตามกรอบกฎหมายวินัยการเงินการคลัง รวมถึง พรบ.งบประมาณ พ.ศ.2561

 

นายกฯ กล่าวว่า นโยบายหาเสียง แม้จะหาเสียงกันมาอย่างไรก็ตามตรงนั้นถือเป็นความต้องการของประชาชน และเป็นความตั้งใจของพรรคการเมือง แต่เมื่อเป็นรัฐบาลก็ต้องดูในรายละเอียดตรงนี้ให้ดีที่สุดว่าทำได้หรือไม่อย่างไร ตนได้รวบรวมนโยบายของทุกพรรคการเมืองซึ่งมีความหลากหลายคล้ายคลึงกัน จัดกลุ่มอยู่ในนโยบาย 12 ด้าน โดยรับนโยบายของทุกพรรคไม่เฉพาะแค่ของรัฐบาล แต่ถ้าเราตั้งวงเงินทั้ง 12 ด้าน จะใช้เงินมากกว่า 2 ล้านล้านบาท ดังนั้น รัฐบาลต้องบริหารงบประมาณที่มีอยู่ เช่นปีนี้ตั้งไว้ 3.2 ล้านล้านบาท ซึ่งมีสัดส่วนการใช้จ่ายแต่ละด้านอยู่ แต่หากนำนโยบายทั้ง 12 ด้านมาบวกเพิ่มเราต้องหาเงินให้ได้ 5-6 ล้านล้านบาท จึงต้องซอยย่อยนโยบายออกมาแล้วทั้งหมดจะตอบตอนที่ทำงบประมาณปี 2563 ก็จะดูว่าจะนำเงินจากไหนมาใช้ตรงไหน ดังนั้นการเดินหน้าตามนโยบายต้องไปทีละขั้น เพราะต้องดูแลคนทุกภาคส่วนทั้งประเทศ ไม่ใช่ดูแลแต่เฉพาะพื้นที่พรรคของท่าน รัฐบาลนี้ไม่ได้มองอย่างนั้นเลย

 

“อันนี้ต้องเข้าใจมันไม่เหมือนเดิมทั้งสิ้น รัฐบาลก่อนหน้านี้กำหนดไว้อันเดียวเท่าที่ผมอ่านมาทั้งหมดแล้วมีอันเดียวคือนโยบายจำนำข้าว 15,000 บาท แล้วเป็นยังไง ระบุไว้แล้วมันเป็นยังไง ท่านอย่าลืมตรงนี้ ผมไม่ไปกล่าวว่าใครทั้งสิ้น” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว

 

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า เรื่องที่ฝ่ายค้านระบุว่ารัฐบาลนี้ก่อนหนี้สาธารณะเยอะ ตนจำเป็นต้องชี้แจง เพราะฝ่ายค้านหยิบยกมาพูดในบางประเด็นเท่านั้น ต้องพูดในภาพรวม เมื่อสมัยรัฐบาลปี 2556-2557 พบว่ารัฐบาลช่วงนั้นเมื่อเทียบกับรัฐบาลเมื่อปี 2558-2562 แล้ว รัฐบาลชุดดังกล่าวกู้เงินเฉลี่ย 4.8 แสนล้านบาทต่อปี แต่รัฐบาลนี้กู้เพียง 4.4 แสนล้านบาทต่อปี ซึ่งถือว่ากู้น้อยกว่า ทั้งนี้ ยืนยันว่าเศรษฐกิจวันนี้ไม่เหมือนปี 2540 วันนี้อยากให้ทุกคนเชื่อมั่นเศรษฐกิจของประเทศบ้าง ถ้าไม่เชื่อมั่นก็มาว่ารัฐบาล เอาตัวเลขมาจากไหน

 

“บิ๊กตู่” แขวะ“จำนำข้าวเป็นยังไง!อย่าลืม


“ในเรื่องของรัฐธรรมนูญ ตามที่มีการบอกว่าเป็นการร่างมาเพื่อผมนั้น ยืนยันอีกครั้งว่าผมไม่ได้เป็นผู้ร่างรัฐธรรมนูญ กมธ.เป็นคนร่าง ผมไม่เคยไปยุ่งเกี่ยวกับท่านเลย จำไว้ผมจะไม่ยุ่งกับเขา เมื่อสักครู่ท่านพูดคำว่า ผมไปใช้กลไกเหนือทั้ง 3 อำนาจ ผมพูดถึงกรณีมาตรา 44 ท่านอย่าเอาเฉพาะประเด็นมาพูดตรงนี้ผมพูดถึง ม.44 ตรงนั้นเพื่อจะปลดล็อคอะไรต่าง ๆ มันถึงได้ไง เพราะกฎหมายเขาเขียนไว้อย่างนั้น ท่านเอามาตี พันกันอย่างนี้ไม่ได้ ผมรับไม่ได้ อย่างไรก็ตามถึงแม้ 5 ปีที่ผ่านมาจะเป็นรัฐบาลก่อนหน้าการเลือกตั้งก็ตาม แต่ผมเคารพในหลักการของรัฐธรรมนูญทุกตัว จำเป็นต้องฟังผมบ้าง ผมไม่เคยที่จะไปล่วงละเมิดไม่มีที่จะทำอะไรเสียหาย”

 

นายกฯ กล่าวถึง เรื่องบัตรสวัสดิการแห่งรัฐว่า เราไม่ได้ช่วยผู้ประกอบการรายใหญ่เพียงอย่างเดียว เดิมเรากำหนดให้ซื้อได้เฉพาะที่ร้านธงฟ้า แต่ปัจจุบันสามารถที่จะไปซื้อร้านข้างนอกได้ แต่ร้านค้าจะต้องขึ้นทะเบียนเพียงแต่บางร้านไม่ยอมขึ้น แล้วจะให้ตนทำอย่างไร เรื่องนี้ฝ่ายค้านต้องช่วยตน ไม่ใช่ไปตีอยู่ข้างล่าง แล้วถ้าฝ่ายค้านเป็นรัฐบาลก็จะรู้ว่าตัวเองก็ทำไม่ได้เช่นกัน

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตลอดช่วงของการชี้แจง พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวขอโทษสมาชิกเป็นระยะ ถึงการพูดเสียงดังและการพูดเร็ว เพราะเวลามีจำกัด โดยนายกรัฐมนตรีโดยใช้เวลาในการชี้แจง 25 นาที และเป็นที่น่าสังเกตว่า พล.อ.ประยุทธ์ ไม่มีการชี้แจงในเรื่องการถวายสัตย์ปฏิญาณไม่ครบตามที่ฝ่ายค้านยื่นญัตติ ทั้งนี้ก่อนจบการชี้แจง พล.อ.ประยุทธ์ ปล่อยมุกพร้อมยิ้มแย้มอย่างอารมณ์ดี โดยกล่าวว่า 

 

“ วันนี้ก็ขอบคุณสมาชิกผู้ทรงเกียรติทั้งหลายนะคร้าบ จะเห็นว่าผมก็ยิ้มให้ท่าน จะท่านหมอหรือท่านอะไรผมก็ยิ้มให้ทั้งหมด จะเห็นได้ว่าวันนี้ผมดุเดือดน้อยกว่าเก่าเยอะ ผมรักท่านทุกคนนั่นแหละ เพราะท่านคือคนไทย นี่คือประเทศไทยประเทศนี้ ท่านไม่ใช่คนประเทศอื่นจะเอากันให้เป็นให้ตายหรืออย่างไร แล้วประเทศไทยจะอยู่ตรงไหน ประชาชนของท่านจะอยู่ตรงไหน เอาละขอจบคำชี้แจงเพียงเท่านี้“ ก่อนส่งยิ้มหวานให้กับสมาชิกในห้องประชุม