ยัน “ถุงยาง” ไม่ขาดตลาด ออร์เดอร์ยาวถึงมิ.ย

01 เม.ย. 2563 | 04:30 น.
อัปเดตล่าสุด :23 เม.ย. 2563 | 02:20 น.

ไทยนิปปอนรับเบอร์ฯ ผู้ผลิตถุงยางอนามัยรายใหญ่ ยืนยันเตรียมพร้อมวัตถุดิบเต็มที่ หลังตลาดโลกล็อกดาวน์ เผยออเดอร์ล่วงหน้ายาวถึงมิ.ย. แล้ว

นายอมร ดารารัตนโรจน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไทยนิปปอนรับเบอร์อินดัสตรี้ จำกัด (มหาชน) หรือ TNR ผู้ผลิตและจำหน่ายถุงยางอนามัยจากน้ำยางธรรมชาติรายใหญ่ที่สุดในไทย อาทิ วันทัช ฯลฯ  เปิดเผยว่า จากปัญหาการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ (COVID-19) ทั่วโลก ส่งผลให้บางประเทศเลือกใช้มาตรการล็อกดาวน์ (ปิดเมือง) เพื่อควบคุมสถานการณ์ และมีผลกระทบต่อกำลังการผลิตสินค้าในอุตสาหกรรมบางประเภทปรับลดลง โดยในส่วนของอุตสาหกรรมการผลิตถุงยางอนามัยนั้นทราบว่ามีโรงงานของผู้ผลิตรายใหญ่ในต่างประเทศบางแห่งที่ไม่สามารถเดินเครื่องจักรได้อย่างเต็มที่ในช่วงนี้และมีความเสี่ยงเกิดภาวะขาดแคลนสินค้า

 

อมร ดารารัตนโรจน์

                               

ทั้งนี้ตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมาบริษัทได้เตรียมความพร้อมด้านวัตถุดิบ อาทิ น้ำยางธรรมชาติ, บรรจุภัณฑ์ ฯลฯ เพื่อรองรับการผลิตถุงยางอนามัยได้อย่างเต็มที่ โดยปัจจุบัน TNR ได้รับคำสั่งซื้อสินค้าในส่วนการรับจ้างผลิต (OEM) ที่มาจากฐานลูกค้าเดิมอย่างต่อเนื่อง บางรายมีความต้องการซื้อสินค้าเพิ่มขึ้นจากเดิมประมาณ 20% ส่งผลให้ปัจจุบันบริษัทต้องเดินเครื่องจักรเกือบเต็มกำลังการผลิต รวมถึงมีออเดอร์ล่วงหน้าที่รอการผลิตอย่างต่อเนื่องจนถึงเดือนมิถุนายนนี้ 

ขณะเดียวกัน ได้วางมาตรการด้านสุขอนามัยเพื่อให้ความมั่นใจด้านการผลิตในช่วงที่มีสถานการณ์โรคระบาด โดยมีการตรวจวัดอุณหภูมิร่างกายของพนักงานก่อนเข้าโรงงานอย่างเคร่งครัดเพื่อคัดกรองผู้ที่มีความเสี่ยง ตลอดจนเพิ่มความถี่การทำความสะอาดและฆ่าเชื้อโรคตามพื้นที่จุดต่าง ๆ เพื่อป้องกันเชื้อไวรัส 

 

ยัน “ถุงยาง” ไม่ขาดตลาด ออร์เดอร์ยาวถึงมิ.ย

 

 “หากสถานการณ์แพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 ยังไม่คลี่คลาย ก็มีความเสี่ยงที่จะเกิดภาวะขาดแคลนสินค้าถุงยางอนามัยไปอีกประมาณ 2-3 เดือน โดยปัจจุบันโรงงานผลิตของ TNR ในนิคมอุตสาหกรรมปิ่นทอง ชลบุรี ถือว่ามีความพร้อมด้านการผลิตอย่างเต็มที่ อย่างไรก็ตามบริษัทยังไม่มีแผนงานลงทุนขยายกำลังการผลิตในเร็ว ๆ นี้ แต่ได้วางแผนบริหารสัดส่วนการผลิตสินค้า โดยอาจปรับลดการรับออเดอร์จากงานประมูลที่เข้ามาเติมเต็มกำลังการผลิตและมุ่งเน้นการเพิ่มสัดส่วนรายได้จากกลุ่มสินค้าภายใต้แบรนด์ของบริษัท และ OEM ที่มีอัตรากำไรขั้นต้นที่ดี”