นายยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดเผยว่า หลังจากททท. ได้ประชุมหารือกันภายในแล้ว ได้สรุปรายละเอียดของรูปแบบแพคเกจท่องเที่ยวออกมาเบื้องต้นแล้ว อาทิ บุคคลที่ได้ประโยชน์จากแพคเกจดังกล่าวจะเป็นกลุ่มใดบ้าง ซึ่งแพคเกจที่ทำออกมา จะช่วยทำให้ประโยชน์ทั้งหมดเกิดขึ้นครอบคลุมทั้งห่วงโซ่อุปทาน เพื่อไม่ให้ผลประโยชน์จำกัดอยู่กับคนกลุ่มใดกลุ่มหนึ่งเท่านั้น ส่วนรูปแบบแพคเกจที่ชัดเจนนั้น ต้องนำข้อสรุปที่ได้หารือกับกระทรวงการคลังก่อน
เบื้องต้นประเมินว่ารูปแบบแพคเกจจะออกมา 2 แพคเกจ ได้แก่
1. กำลังใจ โดยการชวนอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.) และเจ้าหน้าที่โรงพยาบาล ส่งเสริมสุขภาพตำบล (รพ.สต.) เที่ยวฟรี เพื่อตอบแทนในการเป็นด่านหน้ารับมือกับโรคระบาด
2. เที่ยวปันสุข ที่จะให้เป็นบัตรกำนัลดิจิทัล ซัพพอร์ตส่วนต่างในการท่องเที่ยวข้ามจังหวัดในประเทศ โดยสามารถใช้เป็นส่วนลดในการเข้าพัก ร้านอาหาร หรือบริการอื่นๆ ได้ ส่วนรายละเอียดของเม็ดเงินที่จะสนับสนุน หรือวงเงินในการใช้ทั้งหมดของมาตรการกระตุ้นการท่องเที่ยวในประเทศ ยังต้องรอหารือกับคลังก่อน จึงจะมีความชัดเจนมากขึ้น คาดว่าภายในสัปดาห์นี้ จะมีการประชุมร่วมกันอีกครั้ง
สำหรับการกระตุ้นตลาดต่างชาติ ผ่านการจับคู่เดินทางท่องเที่ยวระหว่างกัน หรือทราเวล บับเบิล ขณะนี้ยังต้องรอความชัดเจนในส่วนของมาตรการ ด้านสาธารณสุขก่อน ว่าจะมีแนวคิดอย่างไรในการผ่อนปรน และเปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ เพื่อนำเงื่อนไขทั้งหมด ไปหารือกับประเทศที่จะทำแทรเวล บับเบิลกัน เพื่อให้มั่นใจว่า เมื่อมีการเดินทางเข้ามาของต่างชาติแล้ว จะไม่มีการกลับมาแพร่ระบาดเชื้อโควิด-19 ระลอก 2
โดยที่ผ่านมามีการประสานเบื้องต้นกับบางประเทศไว้แล้ว แต่เป็นการหารือกันภายในแบบไม บับเบิลจริง คงต้องหารือกันอย่างเป็นทางการต่อไป ซึ่งประเมินว่าประเทศที่จะสามารถจับคู่เดินทางท่องเที่ยวระหว่างกันในระยะเริ่มต้น น่าจะเป็นประเทศในแถบภูมิภาคเอเชีย เพราะมีการจัดการและรับมือกับโควิช-19 ได้ดี รวมถึงเป็นการเดินทางในระยะใกล้ๆ ด้วย
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
เช็กที่นี่ “เที่ยวปันสุข” ใครได้ใช้สิทธิ์บ้าง
ทั้งนี้ “เที่ยวปันสุข” หลังจากหารือกับกระทรวงการคลังแล้ว ขั้นตอนต่อไปจะเข้าสู่คณะกรรมการกลั่นกรอง และนำเสนอให้คณะรัฐมนตรี (ครม.) พิจารณา หากทุกอย่างได้รับการอนุมัติแล้ว จึงจะสามารถดำเนินการตามแผนต่อไป โดยเบื้องต้น “เที่ยวปันสุข” ตั้งใจที่จะเร่งทำให้ออกมาทันใช้ภายในเดือนกรกฎาคมนี้ เพื่อให้เป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจต่อเนื่องจากมาตรการเราคนไทยไม่ทิ้งกัน