คณะกรรมการบริษัทสายการบินนกสกู๊ต ได้ส่งแถลงการณ์ มายังสื่อมวลชนว่า สายการบินนกสกู๊ต รู้สึกเสียใจอย่างยิ่งที่จะประกาศให้ทราบว่า คณะกรรมการของบริษัทได้มีมติ เลิกกิจการ โดยผู้ถือหุ้นของนกสกู๊ตจะลงมติเป็นอย่างเดียวกันในที่ประชุมใหญ่ที่จะมีขึ้นในอีกประมาณ 14 วัน
หลังจากนกสกู๊ต สายการบินร่วมทุนราคาประหยัดระหว่างสายการบินนกแอร์ของคนไทย และสายการบินสกู๊ต จากประเทศสิงคโปร์ ก่อตั้งขึ้นในปี 2557 นกสกู๊ตได้ดำเนินธุรกิจท่ามกลางความท้าทายในสถานการณ์ต่างๆ รวมถึงข้อจำกัดในการขยายเครือข่ายการบินภายใต้สภาพแวดล้อมการแข่งขันที่รุนแรงและการระบาดของโควิด-19 ทำให้สถานการณ์เลวร้ายลงอย่างรุนแรง ด้วยเหตุนี้คณะกรรมการของบริษัท จึงไม่เห็นหนทางสู่การฟื้นตัวและการเติบโตที่ยั่งยืนของสายการบินอีกต่อไป
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
จนถึงปัจจุบัน มีพนักงานนกสกู๊ตที่ถูก เลิกจ้างพนักงานจำนวน 425 คน โดยสายการบินนกสกู๊ตได้ชดเชยตามกฎหมายคุ้มครองแรงงานอย่างถูกต้อง ทั้งนี้พนักงานจำนวนหนึ่งยังคงปฎิบัติหน้าที่ เพื่อดำเนินการกระบวนการชำระบัญชีให้เสร็จสมบูรณ์ และพนักงานกลุ่มนี้จะได้รับการชดเชยอย่างถูกต้องเช่นเดียวกัน
นกสกู๊ตจะชี้แจงรายละเอียดเพิ่มเติมอีกครั้งเมื่อได้มีการแต่งตั้งผู้ชำระบัญชี และจัดให้เจ้าหนี้ได้ยื่นข้อเรียกร้อง
นกสกู๊ตขอขอบคุณ ลูกค้า ผู้โดยสาร พันธมิตร และผู้มีส่วนเกี่ยวข้องในทุกภาคส่วนสำหรับการสนันสนุนอย่างต่อเนื่องนับตั้งแต่ปี 2557
นกสกู้ต ( NokScoot) เป็นสายการบินราคาประหยัดของประเทศไทย โดยที่สายการบินนกแอร์ จำกัด (มหาชน) ร่วมกับ สายการบินสกู๊ต จากประเทศสิงคโปร์ พร้อมด้วยบริษัท เพื่อนน้ำมิตร จำกัด ดำเนินธุรกิจสายการบินราคาประหยัดระหว่างประเทศโดยเข้าซื้อหุ้นของ บริษัท พีทแอร์ จำกัด เมื่อวันที่ 19 มิถุนายน 2557 และเปลี่ยนชื่อเป็น บริษัท สายการบินนกสกู๊ต จำกัด เมื่อวันที่ 20สิงหาคม 2557
ที่ผ่านมานกสกู๊ตให้บริการเที่ยวบินในเส้นทางบินระยะกลางและไกล ด้วยเครื่องบิน โบอึ้ง 777-200ER โดยใช้ท่าอากาศยานดอนเมืองเป็นฐานปฏิบัติการบินหลัก และมาหยุดทำการบินทุกเส้นทางจากผลกระทบของโควิด-19
สำหรับผลประกอบการของสายการบินนกสกู๊ตประสบปัญหาการขาดทุนต่อเนื่อง ปี 2559 รายได้รวม 3,910 ล้านบาท ขาดทุนสุทธิ 612 ล้านบาท ปี 2560 รายได้รวม 5,650 ล้านบาท ขาดทุนสุทธิ 47 ล้านบาท ปี 2561 รายได้รวม 5,920 ล้านบาท ขาดทุนสุทธิ 1,528 ล้านบาท