เอ็นไอเอ ชู 3 นวัตกรรมรับเปิดเทอม
เอ็นไอเอ ชู 3 นวัตกรรมรับเปิดเทอม อำนวยความสะดวกผู้ปกครอง - นักเรียน รับวิถี ยุค “New Normal”
หลังผ่านพ้นวิกฤติการระบาดของเชื้อไวรัสโควิด 19 แต่ยังต้องมีการเฝ้าระวังอย่างต่อเนื่อง ดังนั้น จึงต้องมีการปรับตัวทั้งรูปแบบการเรียน การสอน หรือแม้แต่กิจกรรมต่างๆ โดยอาศัยเทคโนโลยีใหม่ๆ เข้ามาเป็นเครื่องมือ รวมถึงการดูแลความปลอดภัยและมาตรการเพื่อสร้างความอุ่นใจให้กับทุกฝ่าย ซึ่งสำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (องค์การมหาชน) หรือ NIA มี 3 นวัตกรรมเพื่อช่วยอำนวยความสะดวกให้สามารถกลับไปเรียนได้ในสภาวะที่ทุกอย่างอยู่ในยุค “New Normal” หลังเปิดเมือง
Online Blended Learning For School : นวัตกรรมการเรียนออนไลน์
นางสาวรษา วงศ์สมิง ผู้จัดการฝ่ายการตลาด บริษัท เลิร์น เอ็ดดูเคชั่น จำกัด เปิดเผยว่า บริษัทได้คิดค้นนวัตกรรม หรือเทคโนโลยีที่จะเข้าไปช่วยเสริมให้การเรียนการสอนหลังจากสถานการณ์โควิด-19 เริ่มคลี่คลายให้สามารถดำเนินการได้อย่างง่าย และสะดวก เกิดประโยชน์สูงสุดต่อตัวนักเรียน นักเรียนสามารถเรียนรู้ได้ทุกที่ทุกเวลา รวมทั้งยังสามารถออกแบบกิจกรรมที่ตนเองอยากทำได้เอง เพราะต้องยอมรับว่าทุกวันนี้เด็กนักเรียนมีความต้องการที่ชัดเจนว่าอยากเรียน และทำกิจกรรมอะไร ดังนั้นนวัตกรรมของเลิร์น เอ็ดดูเคชั่นจะเข้าไปส่งเสริมในเรื่องดังกล่าว สำหรับรูปแบบแพลตฟอร์มนั้นจะเป็นการใช้งานในรูปแบบของแอพพลิเคชันที่ชื่อว่า “Learn Anywhere” ซึ่งเป็นแอพที่ต่อยอดมาจากระบบ“Online Blended Learning For School” โดยจะเปิดให้เด็กเรียนผ่านแอพพลิเคชันในรายวิชาหลัก ที่ผ่านมามีการนำระบบไปทดลองใช้กับโรงเรียนนำร่อง 5 แห่ง ซึ่งพบว่านักเรียนให้ความสนใจและเข้าใช้เป็นจำนวนมาก สำหรับความพิเศษของแอพคือจะช่วยให้การเรียนผ่านระบบออนไลน์ทำได้ง่ายมากยิ่งขึ้นสามารถกลับมาทบทวนบทเรียนได้ตลอดเวลา นอกจากนี้ยังช่วยสนับสนุนการเปิดเทอมหลังจากที่สถานการณ์โควิด-19 ดีขึ้น และสามารถช่วยให้โรงเรียนรักษามาตรการเว้นระยะห่างทางสังคม โดยที่ไม่ต้องให้เด็กผลัดกันเข้าห้องเรียน
นางอัมภาพัตร ฉมารัตน์ Co – Founder แพลตฟอร์ม Kids Up กล่าวว่า Kids Up เป็นแพลตฟอร์มที่จะเข้ามาบริหารจัดการการรับ-ส่งบุตรหลานผ่านแอพพลิเคชันบนมือถือที่ผู้ปกครองสามารถใช้งานได้ทันทีหลังจากลงทะเบียนผ่านเบอร์มือถือเท่านั้น โดยบริษัทจะเข้าไปติดตั้งระบบที่สามารถแสดงผลและแจ้งเตือนให้นักเรียนทราบว่าอีกกี่นาทีผู้ปกครองจะมาถึงผ่านระบบโทรทัศน์หรือจอแอลอีดี หลังจากการนำระบบดังกล่าวเข้าไปติดตั้งและใช้งานกับโรงเรียนในพื้นที่กรุงเทพมหานคร และนนทบุรีแล้ว พบว่าช่วยลดปัญหาการจราจรติดขัด รวมไปถึงช่วยให้การจัดระบบรถเข้า-ออกบริเวณหน้าโรงเรียนได้ โดยในอนาคตจะมีการพัฒนาฟังก์ชันสำหรับผู้ปกครองที่ไม่ได้มารับลูกด้วยตนเอง และรถรับ-ส่งนักเรียน หรือการเชื่อมระบบกับแกร็บ นอกจากนี้ จะมีการพัฒนาระบบเพื่อรองรับผู้ปกครองในบางกลุ่มที่ไม่ได้ใช้สมาร์ทโฟนให้สามารถเข้าถึงแอพพลิเคชันได้ทุกรูปแบบ เพราะในอนาคตนวัตกรรมหรือแพลตฟอร์มที่เกี่ยวกับการศึกษาจะเข้ามามีบทบาทค่อนข้างมาก ดังนั้น นวัตกรรมด้านการศึกษาจำเป็นจะต้องปรับ และคิดค้นฟังก์ชั่นใหม่ๆ เพื่อรองรับการเปลี่ยนแปลง โดยระบบเทคโนโลยีต้องสามารถเข้าถึงคนได้ทุกกลุ่ม
School Management System 4.0 ระบบบริหารจัดการสถานศึกษา 4.0
นายนรินทร์ คูนารา ประธานเจ้าหน้าที่บริหารบริษัท จับจ่าย คอร์ปอเรชั่น จำกัด กล่าวว่า ทางบริษัทได้เล็งเห็นความสำคัญในการพัฒนาแพลตฟอร์ม ที่จะช่วยให้โรงเรียนก้าวสู่การเป็นโรงเรียนในยุค 4.0 ผ่านการบริหารจัดการด้วยระบบดิจิทัล ซึ่งแพลตฟอร์มระบบบริหารจัดการโรงเรียนแบบ 4.0 นั้นจะเพิ่มความสะดวกในการจัดระบบภาระงานภายในสถานศึกษา ทั้งระบบตารางสอนของครู และตารางเรียนของนักเรียน ระบบเช็คชื่อ ระบบตรวจสอบคะแนนความความประพฤติ ระบบแจ้งการบ้าน ระบบลา รวมไปถึงระบบบริหารงานของครู โดยข้อมูลทั้งหมดจะถูกรายงานผ่านแอพพลิเคชันและเว็ปไซต์ ซึ่งสามารถเข้าใช้งานผ่านมือถือได้ นอกจากนี้ ระบบจะทำงานแบบ Realtime ซึ่งจะช่วยให้โรงเรียนอัพเดตความเคลื่อนของครู นักเรียน ได้ตลอดเวลา ผ่านการใช้ข้อมูลที่ถูกจัดเก็บบน Cloud Base ที่มีความปลอดภัยสูง โดยได้มีการนำเอาระบบไปทดลองใช้กับโรงเรียนกว่า 300 แห่งพบว่า ระบบการจัดการภายในโรงเรียนมีความเป็นระบบมากยิ่งขึ้น โรงเรียนสามารถจัดหมวดหมู่เอกสารและมีฐานข้อมูลเกี่ยวกับนักเรียนแต่ละคนครบถ้วนและชัดเจน สามารถลดภาระงานให้แก่ครูได้มากถึง 90% นอกจากนี้ ยังทำให้โรงเรียนทราบพฤติกรรมของนักเรียนและสามารถนำไปวางแผนเพื่อรองรับหรือปรับพฤติกรรมของนักเรียนได้ทั้งในระยะสั้นและระยะยาว
ทั้งนี้หลังสถานการณ์การระบาดของโควิด-19 เริ่มคลี่คลาย เราจะเริ่มเห็นสิ่งใหม่ๆ หรือวิถีใหม่เพิ่มมากขึ้น โดยเฉพาะนวัตกรรมเกี่ยวกับการศึกษา เพราะหลังจากนี้ในระบบการศึกษา ไม่ว่าจะเป็นในโรงเรียนครู นักเรียน จะหันมาใช้เทคโนโลยีมากขึ้นกว่า สิ่งเหล่านี้จะส่งผลให้นวัตกรรมเกี่ยวกับการศึกษามีจำนวนเพิ่มมากขึ้น และจะกลายมาเป็นเครื่องมือสำคัญที่จะช่วยขับเคลื่อนระบบการศึกษาไทย