“จีน-สหรัฐ”เผชิญหน้าขัดแย้งรุนแรงรอบ 40 ปี

12 ก.ค. 2563 | 03:33 น.
อัปเดตล่าสุด :12 ก.ค. 2563 | 10:40 น.

“จีน–สหรัฐ”กำลังเผชิญกับความท้าทายที่ร้ายแรงที่สุดนับตั้งแต่สถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูต​ เมื่อ 40 ที่แล้ว จีนเผย 3 แนวทางผลักดันความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน

วันที่ 12 ก.ค.63 พล.ต.ไชยสิทธิ์ ตันตยกุล ผู้เชี่ยวชาญด้านยุทธศาสตร์และการป้องกันประเทศ และผู้ทรงคุณวุฒิ สำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหม ได้นำเสนอข้อมูลเกี่ยวกับกรณีที่มนตรีแห่งรัฐและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศจีน แสดงความเห็นว่า ความสัมพันธ์จีน–สหรัฐฯ กำลังเผชิญกับความท้าทายที่ร้ายแรงที่สุดนับตั้งแต่การสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูต​ พร้อมทั้งให้ข้อเสนอแนะที่จะนำไปสู่ทางออกของปัญหา ซึ่งมีประเด็นที่น่าสนใจดังนี้


1. เมื่อวันที่ 9 ก.ค.63 นายหวัง อี้  มนตรีแห่งรัฐและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ  ของจีนได้กล่าวสุนทรพจน์ที่ฟอรัม Think Tank Media Video ของจีน-สหรัฐฯ ซึ่งจัดขึ้นโดยสมาคมการทูตสาธารณะแห่งประเทศจีน ร่วมกับมหาวิทยาลัยปักกิ่ง และมหาวิทยาลัยเหรินหมินแห่งประเทศจีน ภายใต้หัวข้อ "การเคารพซึ่งกันและกัน ความไว้วางใจและความร่วมมือ-การจับทิศทางที่ถูกต้องของความสัมพันธ์จีน-สหรัฐฯ" ว่า


1.1 นับตั้งแต่การสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตเมื่อ 40ปีที่แล้ว จีนและสหรัฐฯ ได้ก่อตัวเป็นชุมชนผลประโยชน์ร่วมกัน และความร่วมมือระหว่างจีนกับสหรัฐฯ ได้ทำสิ่งดีๆ มากมายที่เป็นประโยชน์ต่อทั้งสองฝ่ายและโลก ทั้งสองฝ่ายควรดูประสบการณ์ในอดีตของการพัฒนาความสัมพันธ์ระหว่างจีนกับสหรัฐฯ อย่างถูกต้อง ซึ่งไม่ได้เริ่มต้นจากศูนย์และไม่ต้องแยกจากกันอย่างเด็ดขาด แต่ควรดำเนินการต่อไป ก้าวต่อไปตามจังหวะของเวลา รวมทั้งยึดแนวทางการเจรจาและความร่วมมือ 

 

1.2 ไม่เห็นด้วยกับกรณีที่ว่า ความสำเร็จของจีนจะทำให้เกิดการกระทบและคุกคามต่อฝ่ายตะวันตก ซึ่งจีนไม่เคยมียีนความก้าวร้าว และการเจริญก้าวหน้าของจีน ไม่ได้เกิดจากการลอกเลียนแบบประเทศใด รวมทั้งจีนก็ไม่เคยขอให้ประเทศอื่นใด ลอกเลียนแบบการปฏิบัติของจีน นอกจากนี้ แม้ว่าจีนกับสหรัฐอเมริกาจะมีระบบสังคมที่แตกต่างกัน แต่ก็สามารถอยู่ร่วมกันได้อย่างสงบสุข 

 

1.3 จีนไม่ได้มีเจตนาที่จะท้าทายหรือแทนที่สหรัฐฯ และไม่มีความตั้งใจที่จะเผชิญหน้ากับสหรัฐฯ อย่างเต็มที่ นโยบายของจีนที่มีต่อสหรัฐฯ ยังคงมีความมั่นคงและต่อเนื่องในระดับสูงและยินดีที่จะพัฒนาความสัมพันธ์ระหว่างจีนกับสหรัฐในด้านความศรัทธาและจริงใจ แต่สิ่งนี้ต้องการให้ทั้งสองฝ่ายปฏิบัติต่อกันในการเคารพกฎหมายและกฎระเบียบระหว่างประเทศ​ และดำเนินการเจรจารวมทั้งให้คำปรึกษาอย่างเท่าเทียมกัน 

“จีน-สหรัฐ”เผชิญหน้าขัดแย้งรุนแรงรอบ 40 ปี
ทั้งนี้​ จีนมีสิทธิที่จะปกป้องอำนาจอธิปไตยของตัวเองในด้านความมั่นคงและผลประโยชน์​ ตลอดจนการพัฒนาสิทธิในการปกป้องความสำเร็จด้านแรงงานที่ได้รับจากการทำงานอย่างหนักของคนจีน และสิทธิในการปฏิเสธการถูกรังแกรวมถึงความอยุติธรรมต่อจีน
 


2. นายหวัง อี้ ได้ให้ข้อเสนอแนะ​สามข้อในการผลักดันความสัมพันธ์ระหว่างจีนกับสหรัฐฯ กล่าวคือ

 

2.1 เปิดใช้งานและเปิดช่องทางการสนทนาทั้งหมด โดยจีนยินดีที่จะเปิดประตูและกลับมาเจรจาในทุกระดับและทุกสาขาได้ตลอดเวลา 


2.2 ประเด็นต่างๆ ระหว่างจีนกับสหรัฐฯ นั้น มีความสลับซับซ้อน ซึ่งทั้งสองฝ่ายสามารถกำหนดรายการร่วมกัน 3 ประการ คือ

 

(1) ประการแรกคือ รายการของความร่วมมือซึ่งจีนและสหรัฐฯ มีความต้องการและสามารถจะร่วมมือกันในรูปแบบทวิภาคีหรือต่อภารกิจของโลก โดยไม่ควรถูกรบกวนหรือแทรกแซงจากปัญหาอื่นๆ 


(2) ประการที่สองคือ รายการปัญหาที่ทั้งสองฝ่ายมีความแตกต่าง แต่คาดว่าจะพยายามแก้ไขผ่านการเจรจาหารือโดยเร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ 


 และ (3)  ประการที่สามคือ รายการที่มีจิตวิญญาณของการแสวงหาจุดร่วม ในขณะเดียวกันก็สงวนความแตกต่างไว้ และจะจัดการต่อปัญหาที่ยากต่อการบรรลุข้อตกลง 


2.3 มุ่งเน้นและให้ความร่วมมือในการต่อต้านการแพร่ระบาด โดยจีนยินดีที่จะแบ่งปันข้อมูลการป้องกันและควบคุมและประสบการณ์ต่อต้านการแพร่ระบาดของโรคกับสหรัฐฯ และดำเนินการแลกเปลี่ยนอย่างกว้างขวางในด้านการวินิจฉัยและการรักษาโครงการวิจัยและพัฒนาวัคซีนและสาขาอื่นๆ ซึ่งสหรัฐฯ ควรหยุดการเมืองในสถานการณ์แพร่ระบาด และติดฉลากไวรัสในการทำงานร่วมกับจีน เพื่อส่งเสริมความร่วมมือในการต่อต้านการแพร่ระบาดทั่วโลก 


บทสรุป นายหวัง อี้ มนตรีแห่งรัฐและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศจีน หวังว่าสหรัฐฯ จะสร้างความเข้าใจและความสงบให้กับประเทศจีนได้มากขึ้น โดยการกำหนดนโยบายต่อจีนที่มีเหตุผลและเน้นการปฏิบัติมากขึ้น ทั้งนี้ เนื่องจากความสัมพันธ์ระหว่างจีนกับสหรัฐฯ เป็นความสัมพันธ์ทวิภาคีที่สำคัญในโลก