อาฟเตอร์ช็อคจากเหตุการณ์ “สจ.โต้ง-ชัยเมศร์ สิทธิสนิทพงศ์” ถูกกลุ่มมือปืนซึ่งเป็นลูกน้องของ “โกทร-สุนทร วิลาวัลย์” นายก อบจ.ปราจีนบุรี นักการเมืองชื่อดังในปราจีนบุรี ใช้อาวุธปืนรุมยิง จนเสียชีวิตคาบ้านพักของ นายสุนทร กำลังขยายวงเป็น “ยุทธการดับผู้มีอิทธิพลทั่วประเทศ” ในไม่ช้านี้
คิกออฟทางนโยบายของ “บิ๊กต่าย-พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผบ.ตร.-บิ๊กอ้อ พล.ต.ท.อัคราเดช พิมลศรี ผู้ช่วยผบ.ตร. -พล.ต.ต.โสภณ สารพัฒน์ รองผบช.ก. -พล.ต.ต.มนตรี เทศขัน ผบก.ป.” ที่ร่วมแถลงผลปฏิบัติการเปิดยุทธการปราบผู้มีอิทธิพลทั่วประเทศ “CIB ขยี้อิทธิพล” เมื่อวันที่ 12 ธันวาคม 2567 โดยใช้ห้อง Real-Time Crime Center (RTCC) อาคารกองบังคับการปราบปราม เป็นศูนย์ควบคุม-สั่งการ กำลังสนธิกำลังปูพรมออกกวาดล้างอย่างเป็นจริงเป็นจัง
ขอบอกไว้เลยว่า สเต็ปแรก ที่บิ๊กต่ายสั่งปูพรม กวาดล้าง 118 จุดทั่วประเทศ ตามหมายจับ 51 หมายจับ ในพื้นที่ 34 จังหวัด จะเป็นแค่น้ำจิ้ม...
“ปฏิบัติการเร่งด่วนครั้งนี้ ได้กำหนดเป้าหมายปราบปรามผู้มีอิทธิพล มือปืนรับจ้างที่มีหมายจับอยู่แล้ว ควบคู่กับการปราบปรามผู้ค้ายาเสพติดทั้งรายใหญ่ รายย่อย โดยมอบหมายให้ กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (บช.ก.) ตรวจค้นจับกุม มี “บิ๊กอ้อ-พล.ต.ท.อัครเดช เพื่อน นรต. 41 เป็นหัวหน้าทีม”
เป้าหมายตรวจค้น 118 จุดทั่วประเทศ เน้นหนักไปที่ 2 กลุ่มใหญ่
“กลุ่มผู้มีอิทธิพล” จำนวน 47 เป้าหมาย อาทิ กลุ่มค้าอาวุธสงคราม , กลุ่มมือปืนรับจ้าง, ยาเสพติด, กลุ่มฮั้วประมูลงานราชการ, กลุ่มอดีตนักการเมือง-เจ้าหน้าที่รัฐ ก่อคดีทุจริต, กลุ่มนายทุนปล่อยเงินกู้นอกระบบ, กลุ่มรับจ้างทวงหนี้โดยใช้กำลัง, แก๊งเงินกู้โหด มีอาวุธ และเงินกู้ออนไลน์ บุกรุกที่สาธารณะ และทำลายทรัพยากรธรรมชาติ, ลักลอบค้าสัตว์ป่า, บุกรุกที่ดินป่าสงวน
“กลุ่มอาชญากรรม” จำนวน 74 เป้าหมาย อาทิ แก๊งโจรกรรมรถ, กลุ่มผู้สร้างความเดือดร้อนทางทะเล และชายฝั่ง, แก๊งวัยรุ่นที่สร้างความเดือดร้อน โชว์อาวุธ ก่ออาชญากรรม, กลุ่มเปิดผับเสียงดัง มีเด็กและยาเสพติด, กลุ่มแกนนำต่างด้าวที่สร้างความเดือดร้อน
ถือเป็นการนับหนึ่งของการกวาดล้าง ซุ้มมือปืน กลุ่มอิทธิพล ที่อยู่ใต้ปีกนักการเมือง ขาใหญ่ในพื้นที่
แต่ปฏิบัติการดังกล่าวนั้น ไม่เทียบเท่ากับแนวคิดของ “ผู้ครอบครอง” ที่จะถูกขับเคลื่อนออกมาเป็นนโยบายจัดการกลุ่มอิทธิพลและกลุ่มบ้านใหญ่ที่มีกลิ่นอายในทางการเมืองเจือสมอยู่
13 ธันวาคม 2567 ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี แสดงความคิดเห็น ที่สถานีรถไฟบางบำหรุ กทม.ในช่วงการเดินทาง ไปประชุมพรรคเพื่อไทย ที่ หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ ว่า พื้นที่ จ. ปราจีนบุรี ต้องเข้าใจว่าเป็นเขตอิทธิพลของโกทรมานานแล้ว ซึ่งเรื่องการเมืองที่มีการฮั้ว หากไม่ลงตัวก็ฆ่ากัน ถือเป็นสิ่งที่เลวร้ายมาก แต่เหตุการณ์นี้ตำรวจจัดการได้เร็วมาก สามารถจับกุมได้หมด
วันนี้เป็นหน้าที่ตำรวจ ที่จะกวาดล้างอิทธิพลปราจีนบุรีให้เกลี้ยง!
ถามว่า การเมืองท้องถิ่นยังรุนแรงขนาดนี้ มีความกังวลการเลือกตั้งระดับประเทศหรือไม่ เพราะกล่องดวงใจของท่านก็อยู่ในวงการเมือง?
นายทักษิณ บอกว่า “ไม่กังวล วันนี้เราต้องทำหน้าที่ของเรา เมื่อมีหน้าที่แล้วเราจะละทิ้งหน้าที่ไม่ได้ ก็ต้องทำหน้าที่ให้ดีที่สุด ตอนที่ผมเป็นนายกฯก็ถูกลอบฆ่า 4 ครั้ง แต่วันนี้เหตุการณ์มันเปลี่ยนไปแล้ว ความรุนแรงต่างๆในระดับประเทศมันลดลงไปเยอะ ในท้องถิ่นก็เหลือน้อยแล้ว
ถามว่า สนามเลือกตั้งอื่นๆที่จะมีผู้มีอิทธิพลเข้ามา จะต้องมีการพิจารณาอะไรให้รอบคอบหรือไม่?
นายทักษิณ กล่าวว่า “มันไม่มีอะไรหรอก ถ้าพรรคแกนนำรัฐบาลกลัวผู้มีอิทธิพลก็แย่แล้ว เราไม่ต้องไปกลัวหรอก เราต้องปราบผู้มีอิทธิพลให้เกลี้ยง ดูที่ จ.ปราจีนบุรี เดี๋ยวอิทธิพลก็หมด เกลี้ยงแน่ ถ้าหลายจังหวัดเป็นแบบนี้ ตำรวจก็ต้องจัดการ ตำรวจเดี๋ยวนี้ฟิต ไม่ต้องซื้อขายตำแหน่งแล้ว ทำงานได้เต็มที่”
ก่อนจบได้โยนระเบิดลูกใหญ่ไปว่า “เห็นนายกฯ กำลังคิดอยู่ว่า กำลังจะตั้งทีมเฉพาะกิจเหมือนในอดีต ที่นายกฯ ลงมาคุมเอง”
และได้กล่าวตลกชวนให้ขบคิดว่า “ตอนนี้หัวหน้าพรรคเพื่อไทย และพรรคไทยรักไทย เหมือนคนเดียวกัน แต่หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ผมยาวกว่า”
การส่งสัญญาณทางวาจาเพียงแค่นี้เอง ...ปฏิบัติการกวาดล้างผู้มีอิทธิพล กลุ่มขาใหญ่ ก็กลายเป็นนโยบายทันที!!
15 ธันวาคม 2567 น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ประกาศลั่นว่า “รัฐบาลจะมีการกวาดล้างผู้มีอิทธิพล โดยนายกฯ จะนั่งหัวโต๊ะในการดูแลเรื่องนี้ หลังเกิดเหตุยิง นายชัยเมศร์ สิทธิสนิทพงศ์ หรือ สจ.โต้ง ภายในบ้านพักของ นายสุนทร วิลาวัลย์ ที่จังหวัดปราจีนบุรี เราต้องดูเรื่องนี้ให้หนักแน่นยิ่งขึ้น ทางตำรวจและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องก็ดำเนินการอย่างเต็มที่ เพื่อไม่ให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้ซ้ำอีก...
นายกฯ บอกว่า “รัฐบาลนี้และสำนักงานตำรวจแห่งชาติจะให้ความสำคัญ ในการปราบปราบการทุจริตคอร์รัปชัน การปราบผู้มีอิทธิพลทั้งหมด ทุกทีมต้องทำงานร่วมกัน อีกหน่อยเรื่องพวกนี้จะต้องลดน้อยลง ถ้าคณะรัฐมนตรีและตำรวจเอาจริงก็ต้องสำเร็จ”
ผู้คนในสังคมจึงเห็นภาพการเอาจริงเอาจังของตำรวจ ในวันที่ 15 ธันวาคม 2567 ที่ พล.ต.ท.ยิ่งยศ เทพจำนงค์ รักษาราชการแทนผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค (นรต.41 ) พล.ต.ต.ภูมินทร์ สิงหสุต ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดปราจีนบุรี นำกำลังตำรวจกว่า 100 นาย จากกองบังคับการปราบปราม ตำรวจภูธรภาค 2 แอคชั่น!
นำหมายค้นศาลจังหวัดปราจีนบุรี เข้าตรวจค้นพื้นที่บ้านเป้าหมาย รวม 5 จุด ประกอบด้วย พื้นที่ อ.ศรีมหาโพธิ 3 จุด อ.บ้านสร้าง 1 จุด อ.ประจันตคาม 1 จุด
บ้านเป้าหมายทั้งหมด ล้วนเชื่อมโยงกับ นายสุนทร วิลาวัลย์ หรือไม่ก็เป็นฐานเสียงคนสำคัญของโกทรมาในหลายปี
ถัดมาแค่ 2 วัน พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธ์เพ็ชร ผบ.ตร. ซึ่งได้นั่งหัวโต๊ะเปิดปฏิบัติการกวาดล้างผู้มีอิทธิพลมาแล้ว 2 ครั้ง นับตั้งแต่เข้าสู่ตำแหน่ง ออกมาส่งสัญญาณตรงๆ แบบไม่อ้อมค้อม ในวันที่ 17 ธันวาคม 2567 ว่า...
“ตำรวจมีความตั้งใจที่จะดำเนินการ ในฐานะผู้บังคับใช้กฎหมาย เพื่อกวาดล้างผู้มีอิทธิพล ประชาชนไม่ต้องอยู่อย่างหวาดระแวง
ขณะที่การเลี้ยงมือปืนเพื่อทำความผิด ตำรวจจะต้องเก็บข้อมูลและดำเนินการปราบปรามให้หมด
ส่วนการเลือกตั้ง อบจ. ที่จะมีขึ้นอีกหลายจังหวัด จะใช้ปราจีนบุรีเป็นต้นแบบ และผมจะลงมาติดตามดู ร่วมกับฝ่ายสืบสวนสอบสวน เพื่อจะกวาดล้างผู้มีอิทธิพลบ้านเล็ก บ้านใหญ่ ไม่ให้สร้างอิทธิพล
ต้องไปตรวจสอบว่า ผู้มีอิทธิพล มีการจ้างสมุนที่เคยต้องโทษในคดีอาชญากรรม มีอาวุธที่ผิดกฎหมาย จะตรวจสอบทั้งหมด
หากใครที่คิดว่าตัวเองมีอิทธิพล ทำสิ่งนอกเหนือกฎหมาย เราจะไปเยี่ยมท่านแน่นอน”
บรรดาผู้มีอิทธิพล กลุ่มบ้านใหญ่ทั้งหลาย ไม่ว่า นครปฐม-แปดริ้ว ระยอง-ศรีษะเกษ-สุราษฎร์ธานี-เพชรบูรณ์-นครสวรรค์-หนองคาย- นครพนม-สงขลา-นครศรีธรรมราช ฯลฯ เตรียมรับมือไว้
ปฏิบัติการกวาดล้างบ้านใหญ่ ที่มียุทธศาสตร์ทางการเมืองแฝงเร้น ใครไม่ยอมก้มหัว ซุกปีก ตำรวจจะออกกวาดล้างในทุกพื้นที่!!!
ไม่เชื่อ โปรดรอรับการบุกค้น ตรวจจับกันได้เลย
พล.ต.ท.ประจวบ วงศ์สุข รักษาราชการแทนรอง ผบ.ตร. ที่เป็นหัวหน้างานป้องกันปราบปราม
พล.ต.ท.สำราญ นวลมา ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ
พล.ต.ท.อัคราเดช พิมลศรี ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ
พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง รักษาราชการแทนผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ
พล.ต.ท.สรายุทธ สงวนโภคัย รักษาราชการแทนผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ซึ่งล้วนเป็นผู้ช่วยรับผิดชอบงานป้องกันปราบปราม...
พร้อมรับนโยบายนายท่าน!!!