ตามที่เพจเฟซบุ๊คกลุ่มเยาวชนปลดแอก - Free YOUTH ได้โพสต์ข้อความ ที่มีเนื้อหาที่อาจจะปลุกระดมให้คนออกมาชุมนุมกันในวันเสาร์ที่ 18 ก.ค.นี้ เวลา 5 โมงเย็น ท่ามกลางสถานการณ์การแพร่ระบาดไวรัสโคโรนา 2019 หรือ โควิด-19 ยังไม่ยุติ และขณะนี้ยังมีการประกาศใช้ พรก.ฉุกเฉิน ที่มีการห้ามการรวมกลุ่ม หรือการชุมนุมต่างๆ ซึ่งอาจจะสุ่มเสี่ยงกับการแพร่ระบาดโควิด-19 มีการขึ้นข้อความ "ไม่ทนอีกต่อไป..." พร้อมระบุในด้านท้ายว่าโปรดสวมหน้ากากอนามัยและพกเจลล้างมือด้วย โดยมีข้อเรียกร้อง 3 ข้อคือ 1.ต้องประกาศยุบสภา 2.หยุดคุกคามประชาชน และ 3.ร่างรัฐธรรมนูญใหม่นั้น
นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย เปิดเผยว่า การจัดการชุมนุมดังกล่าว ผู้จัดคงรู้แจ้งแล้วว่าเป็นการฝ่าฝืนกฎหมายโดยเฉพาะ ม.9(2) แห่ง พรก.ฉุกเฉิน 2548 ซึ่งบัญญัติไว้ชัดเจนว่า “ห้ามมิให้มีการชุมนุมหรือมั่วสุมกัน ณ ที่ใด ๆ หรือกระทําการใดอันเป็นการยุยง ให้เกิดความไม่สงบเรียบร้อย” ซึ่งสอดรับกับข้อกำหนด ฉบับที่ 1 ข้อ 5 และฉบับที่ 2 ข้อ 2(2) มีอัตราโทษตาม ม.18 จำคุกไม่เกิน 2 ปี ปรับไม่เกิน 4 หมื่นบาทหรือทั้งจำทั้งปรับ
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
ศรีสุวรรณ' ตั้งโต๊ะล่าชื่อถอด "กกต." จ่อยื่น "ป.ป.ช." สัปดาห์หน้า
“ศรีสุวรรณ”เตือนอย่าซื้อแท็บเล็ตแจก น.ร. จะซ้ำรอยเดิม
ศรีสุวรรณจ่อร้องปปช.เอาผิด ศบค.ปล่อย“ทหารอียิปต์”แพร่เชื้อโควิด
นอกจากนั้นยังมีกฎหมายอื่นอีกมากที่จะสามารถเอาผิดกับผู้จัดการชุมนุมและผู้ชุมนุมได้ อาทิ พรบ.ควบคุมการโฆษณาโดยใช้เครื่องขยายเสียง 2493 พรบ.จราจรทางบก 2522 รวมทั้งประมวลกฎหมายอาญา ม.215 ฐานมั่วสุมกันเกินกว่าสิบคนหรือก่อให้เกิดความวุ่นวายในบ้านเมือง
ทั้งนี้ตามข้อกำหนด ฉบับที่ 3 ข้อ 3 ในกรณีมีการกระทำความผิดตามกฎหมายอื่น เช่น ความผิดต่อทรัพย์ตามประมวลกฎหมายอาญา ความผิดตามกฎหมายว่าด้วยการจราจรทางบก กฎหมายว่าด้วยโรคติดต่อ ฯลฯ และเป็นความผิดตามข้อกำหนดออกตามความใน ม.9 แห่งพรก.ฉุกเฉิน 2548 ต้องดำเนินคดีต่อผู้กระทำความผิดทุกฐานความผิดนั้นโดยเร็ว
ถึงแม้รัฐธรรมนูญ 2560 ม.44 จะบัญญัติไว้ว่าบุคคลย่อมมีเสรีภาพในการชุมนุมโดยสงบและปราศจากอาวุธ การจำกัดเสรีภาพดังกล่าวจะกระทำมิได้ เว้นแต่อาศัยอำนาจตามกฎหมายที่ตราขึ้นเพื่อรักษาความมั่นคงของรัฐ ความปลอดภัยสาธารณะ ความสงบเรียบร้อยและศีลธรรมอันดีของประชาชน หรือเพื่อคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพของบุคคลอื่น ซึ่งปัจจุบันไทยเรามี พรบ.การชุมนุมสาธารณะ 2558 ออกมาบังคับใช้แล้ว และถึงแม้ใน ม.3(6) จะกำหนดไม่ให้นำกฎหมายฉบับนี้มาใช้บังคับในระหว่างเวลาที่มีประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินก็ตาม แต่ในวรรคท้ายของอนุมาตราดังกล่าวระบุไว้ชัดเจนว่า “แต่ต้องปฏิบัติตามกฎหมายว่าด้วยการนั้น” ด้วย
ดังนั้น เมื่ออำนาจตาม พรบ.ชุมนุมสาธารณะตกมาอยู่ในการบังคับของนายกรัฐมนตรี และ ศบค. ตาม พรก.ฉุกเฉิน 2548 และยังไม่ได้มีการยกเลิกการประกาศใช้ พรก.ดังกล่าวแล้ว แกนนำที่จะขึ้นเวทีทุกคน ก็จงเตรียมตัวเตรียมใจถูกดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไปเถิด แล้วอย่ามาฟูมฟายว่าถูกรังแกจากอำนาจรัฐเลย เพราะถ้าตำรวจไม่จับกุมดำเนินคดี ก็อาจถูกข้อหาละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ ตาม ป.อ.157 ได้ แม้ พรก.ฉุกเฉินสมควรที่จะยกเลิกได้แล้ว แต่ในขณะนี้รัฐบาลเขายังไม่ยอมยกเลิก แม้เราจะไม่ชอบ พรก. แต่กฎหมายก็ต้องเป็นกฎหมายครับ นายศรีสุวรรณ กล่าว