"หมอธีระ"เตือน ทั่วโลก ไม่มีที่ใดปลอดภัยจากโควิด-19

19 ส.ค. 2563 | 05:33 น.
อัปเดตล่าสุด :19 ส.ค. 2563 | 12:35 น.

"หมอธีระ”เตือน ทั่วโลก ไม่มีที่ใดปลอดภัยจากโควิด-19 ตอนนี้ประเทศในเอเชียแปซิฟิกกำลังเจอระบาดระลอกใหม่

19 สิงหาคม 2563 รศ.นพ.ธีระ วรธนารัตน์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โพสต์ข้อความถึงสถานการณ์ไวรัสโควิด-19 ทั่วโลก ล่าสุด 19 สิงหาคม 2563 ผ่านเฟซบุ๊ก Thira Woratanarat  ระบุว่า 

สถานการณ์ทั่วโลกล่าสุด 19 สิงหาคม 2563

เมื่อวานติดเพิ่มอีกถึง 271,518 คน ตายเพิ่ม 6,218 คน ยอดรวมตอนนี้ 22,252,737 คน

อเมริกา ติดเพิ่ม 48,621 คน รวม 5,649,314 คน อีกไม่นานจะแตะหกล้าน ช่วงนี้มีหลายข่าวที่ประชาชนเค้าออกมาเตือนกัน เช่นที่ Ohio เพิ่งมีการติดเชื้อทั้งครอบครัวพร้อมกัน 5 คน โดยมีอาการในช่วงเวลาไล่เลี่ยกัน ในขณะที่ Minneapolis ก็รายงานการติดเชื้อในครอบครัวพร้อมกัน 7 คน โดยผู้ที่ป่วยหนักๆ ก็ออกมาสอนคนในสังคมว่า เดิมเค้าก็ตั้งการ์ด แต่ยอมรับว่าตั้งแต่ปลายเดือนก่อนเริ่มลดการ์ดลงกันทั้งครอบครัว ไปตกปลา และไปกินข้าวสังสรรค์กับสมาชิกในครอบครัวโดยไม่ป้องกัน ไม่ใส่หน้ากาก ไม่รักษาระยะห่าง...ผลก็คือ ป่วยกันหนัก และอยากขอให้เรื่องของครอบครัวตัวเองเป็นบทเรียนเตือนใจให้ทุกคนตระหนักถึงความสำคัญของการป้องกันตนเองอย่างต่อเนื่อง

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

สธ.เผยผลตรวจ ผู้สัมผัสใกล้ชิดชาวมาเลเซีย ไม่พบติดเชื้อโควิด

ยอดโควิด 19 ส.ค.63 มีผู้ติดเชื้อรายใหม่ 1 ราย มาจาก“อินเดีย”

WHO เรียกร้องทั่วโลก ป้องกันไม่ให้เกิด "วัคซีนชาตินิยม"

อ่วม! ทั่วโลกติดโควิด-19 ทะลุ 22.2 ล้านราย เสียชีวิต 7.8 แสนราย

บราซิล ติดเพิ่ม 47,784 คน รวม 3,407,354 คน

อินเดีย ติดเพิ่ม 65,022 คน รวม 2,766,626 คน คาดว่าจะแตะ 3 ล้านในวันที่ 23 สิงหาคม

รัสเซีย ติดเพิ่ม 4,748 คน รวม 932,493 คน

แอฟริกาใต้ เม็กซิโก เปรู รวมถึงฟิลิปปินส์ ติดกันเพิ่มราว 3-5 พันคน

สเปน สหราชอาณาจักร เยอรมัน ฝรั่งเศส อิหร่าน อินโดนีเซีย และญี่ปุ่น ดูยังไม่ดีขึ้น ติดกันหลักพัน

หลายประเทศในยุโรป รวมถึงแคนาดา ปากีสถาน สิงคโปร์ เกาหลีใต้ ออสเตรเลีย ติดกันหลักร้อยไปถึงเฉียดพัน

เวียดนาม จีน ฮ่องกง และนิวซีแลนด์ ยังติดเพิ่มกันหลักสิบ

...ทั่วโลก ไม่มีที่ใดปลอดภัยจากโควิด...

องค์การอนามัยโลกเพิ่งออกมาระบุว่า ตอนนี้ประเทศในเอเชียแปซิฟิกกำลังเจอระบาดระลอกใหม่ โดยแพร่กันมากในหมู่ประชาชนที่อายุน้อยกว่า 50 ปี ต่างจากการระบาดระลอกแรกในทวีปอื่นๆ ที่เป็นมากในคนสูงอายุ

คำเตือนของเค้าทำให้ไทยเราควรนำมาพิจารณา สิ่งที่เราเห็นกันอยู่ในสังคมขณะนี้น่าเป็นห่วงมาก ทั้งกิจกรรมในการดำเนินชีวิตที่มีหลายคนอาจลดการ์ดลงจะโดยตั้งใจหรือไม่ตั้งใจก็ตาม รวมถึงการมีการชุมนุมรวมคนจำนวนมาก โดยไม่สามารถรักษาระยะห่างกันได้ ใส่หน้ากากบ้างไม่ใส่บ้าง

ยังไม่นับความเสี่ยงที่สูงมาก จากการแง้มประตูประเทศให้มีการเดินทางของกลุ่มเป้าหมายต่างๆ เข้ามาจากต่างประเทศ

โอกาสที่จะมีการระบาดระลอกสองอย่างรุนแรงตามมาในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปีนี้นั้นมีสูงมาก หากปล่อยให้เป็นเช่นนี้ไปเรื่อยๆ

ขอให้ใช้สติในการดำรงชีวิต

#ใส่หน้ากากเสมอ
#ล้างมือบ่อยๆ
#อยู่ห่างคนอื่นหนึ่งเมตร
#ไม่แชร์ของกินของใช้ร่วมกับคนอื่น
#พูดน้อยลง
#พบคนน้อยลงสั้นลง
#เลี่ยงที่แออัดที่ชุมนุมที่อโคจร
#คอยสังเกตอาการตนเองและครอบครัว
#หากไม่สบายให้หยุดเรียนหยุดงานและรีบไปตรวจรักษา

อาการไข้ ไอ เจ็บคอ คัดจมูก น้ำมูกไหล ดมไม่ได้กลิ่น ลิ้นรับรสไม่ได้ หรือท้องเสีย...เหล่านี้หากเรามีอาการใด ก็รีบไปตรวจ ขอให้คุณหมอตรวจโควิดให้ด้วยครับ

ล่าสุดมีงานวิจัยจากฝั่งยุโรป ค้นพบว่า การดมไม่ได้กลิ่นนั้น ไม่จำเป็นต้องมีน้ำมูกหรือคัดจมูกแบบหวัดก็ได้ และอาการลิ้นรับรสไม่ได้นั้นพบบ่อยกับรสขมและรสหวาน...เล่ามาให้ประดับความรู้

ประเทศไทยต้องทำได้