วันพุธที่ 26 ส.ค. ที่ผ่านมา เดอะ นิคเคอิ เอเชียน รีวิว สื่อใหญ่ของญี่ปุ่นรายงานอ้างอิงข้อมูลจาก กระทรวงสาธารณสุขและการกีฬาของเมียนมา ว่า ในวันดังกล่าวมีการตรวจพบ ผู้ติดเชื้อโควิด-19 รายใหม่ ที่ได้รับการยืนยันในเมียนมาจำนวนถึง 70 คนภายในวันเดียว ซึ่งนับเป็น จำนวนผู้ติดเชื้อรายวันสูงที่สุด เท่าที่เคยมีมาในเมียนมานับตั้งแต่มีการแพร่ระบาดและมีการตรวจพบผู้ติดเชื้อรายแรกในประเทศเมื่อเดือน มี.ค.2563
ข้อมูลอย่างเป็นทางการของกระทรวงสาธารณสุขและการกีฬาของเมียนมาระบุว่า ไม่มีการติดเชื้อรายใหม่ภายในประเทศระหว่างวันที่ 16 ก.ค. ถึง 16 ส.ค. ที่ผ่านมา และนับจากนั้นมาก็พบการติดเชื้อของผู้ป่วยรายใหม่แล้วประมาณ 200 คน ส่วนใหญ่มาจาก เมืองซิตเว (Sittway) ซึ่งเป็นเมืองท่าและเมืองหลักของ รัฐยะไข่ ทางฝั่งตะวันตกของประเทศ ที่น่าหวั่นวิตกก็คือ ในบรรดาผู้ติดเชื้อเหล่านี้ ราว 75% เป็นผู้ติดเชื้อโควิด-19 ที่ไม่แสดงอาการ
ขิ่น ขิ่น กยี ผู้อำนวยการกองโรคระบาดสายพันธุ์ใหม่ของกระทรวงสาธารณสุขเมียนมา เปิดเผยว่า นับตั้งแต่ที่เริ่มมีการแพร่ระบาดของโควิด-19 ในประเทศ ปัจจุบันมีผู้ติดเชื้อที่ได้รับการยืนยันแล้วจำนวนทั้งสิ้น 574 ราย ส่วนผู้เสียชีวิตจากโรคดังกล่าวมีจำนวน 6 ราย นอกจากนี้ ยังยอมรับว่า “เราพบว่าอัตราการติดเชื้อในรัฐยะไข่พุ่งสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว และคาดว่าจำนวนผู้ติดเชื้อจะยังคงเพิ่มมากขึ้นในระยะ 2 สัปดาห์ข้างหน้านี้”
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
“มท.”สั่ง 10 จังหวัดติดเมียนมา สกัดโควิดระบาดเข้มลักลอบเข้าไทย
แม้ว่าจำนวนผู้ป่วยติดเชื้อโควิด-19 ในเมียนมาจะยังดูว่าน้อยหากจะเทียบกับประเทศอื่น ๆ ในภูมิภาคอาเซียน แต่การที่อัตราการติดเชื้อพุ่งสูงขึ้นมากในระยะหลัง ๆ นี้ก็ทำให้เป็นที่หวั่นวิตกกันว่า เมืองซิตเวและรัฐยะไข่ กำลังจะเป็น “ฮอตสปอต” หรือเป็นแหล่งแพร่กระจายของโควิด-19 ที่น่าเป็นห่วง
ทั้งนี้ ซิตเว เป็นเมืองท่าขนาดใหญ่ตั้งอยู่ในอ่าวเบงกอล ซึ่งอยู่ทางฝั่งตะวันตกของประเทศเมียนมา และอยู่ทางทิศใต้ของประเทศบังคลาเทศ ทั้งยังเป็นเมืองที่มีชาวโรฮิงญาซึ่งเป็นชนกลุ่มน้อยชาวมุสลิมอาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก
เจ้าหน้าที่สาธารณสุขของเมียนมาเปิดเผยว่า ขณะนี้รัฐยะไข่ได้กลายเนจุดแพร่กระจายไวรัสโคโรนาโควิด-19 สายพันธุ์ที่เรียกว่า D614G มีต้นกำเนิดการแพร่กระจายจากตลาดสดแห่งหนึ่ง “ไวรัสสายพันธุ์ใหม่นี้สามารถแพร่กระจายรวดเร็วขึ้นถึง 10 เท่า” ขิ่น ขิ่น กยี ผู้อำนวยการกองโรคระบาดสายพันธุ์ใหม่ของกระทรวงสาธารณสุขเมียนมา กล่าวเตือนโดยอ้างอิงข้อมูลงานวิจัยทางระบาดวิทยา และด้วยเหตุนี้ รัฐบาลเมียนมาจึงควบคุมในระดับเข้มข้นการเดินทางเข้า-ออกรัฐยะไข่ นอกจากนี้ ยังส่งเจ้าหน้าที่การแพทย์และอาสาสมัครเข้าไปในพื้นที่เพื่อช่วยเหลือบรรเทาทุกข์ประชาชน และช่วยเสริมกำลังให้กับโรงพยาบาลในพื้นที่ในงานด้านการตรวจเชื้อ การทดสอบ และตรวจย้อนการติดต่อของผู้ที่อยู่ในวงจรการแพร่เชื้อ
ปัจจุบัน เมียนมาซึ่งมีประชากรราว 54 ล้านคน มีจำนวนแพทย์ประมาณ 13,000 คน และพยาบาลหลายพันคน ประจำการพร้อมในโรงพยาบาลกว่า 1,300 แห่งทั่วประเทศสำหรับการรับมือกับการแพร่ระบาดที่ยังคงแนวโน้มสูงขึ้นเรื่อย ๆ ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่สาธารณสุขของเมียนมายอมรับว่า ย่านธุรกิจของกรุงย่างกุ้ง เมืองหลวงเก่า และเมืองเมียววดี รวมทั้งรัฐยะไข่ทั้งรัฐ คือพื้นที่ที่ถือว่าเป็น “พื้นที่เสี่ยง” ในสถานการณ์โควิด-19 ของเมียนมา
สื่อต่างประเทศรายงานว่า เมืองหลวงซิตเวของรัฐยะไขนั้น มีการประกาศมาตรการล็อกดาวน์บางส่วน ปิดโรงเรียนทั้งของรัฐและเอกชน (ซึ่งส่งผลต่อนักเรียนจำนวนมากกว่า 1.2 ล้านคน) และเคอร์ฟิวห้ามออกนอกบ้านยามวิกาลมาตั้งแต่วันที่ 20 ส.ค.ที่ผ่านมา หลังจากที่ยอดผู้ติดเชื้อใหม่พุ่งพรวดเป็น 180 รายภายในเวลาเพียง 11 วัน ซึ่งในจำนวนนี้ รวมถึงทารกเพศหญิงอายุเพียง 2 เดือน ที่เป็นผู้ป่วยโควิด-19 ที่มีอายุน้อยที่สุดในเมียนมา