หลังการประชุมคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 22 กันยายน 2563 มีมติเห็นชอบเคาะวันหยุดยาวเพิ่มเติม19 - 22 พฤศจิกายน และ 10-13 ธันวาคม ซึ่งครม.ได้ให้เหตุผลว่าเพื่อเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจ และให้เกิดการท่องเที่ยวในประเทศ ประกอบกับเป็นช่วงปิดเทอมของนักเรียน ก็ยิ่งทำให้ส่งเสริมการท่องเที่ยวแบบครอบครัวได้อีกด้วย
ส่วนสาเหตุที่ไม่มีวันหยุดยาวในเดือนตุลาคมนั้น เนื่องจากปกติมีวันหยุดอยู่แล้ว 2 วัน นั่นก็คือวันอังคาร 13 ตุลาคม 2563 ซึ่งเป็นวันคล้ายวันสวรรคตพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร และวันศุกร์ 23 ตุลาคม 2563 วันปิยมหาราช
ดังนั้นเมื่อดูจากปฏิทินแล้ว วันหยุดยาวที่จะเพิ่มเติมเข้ามาควรจะเป็นเดือนพฤศจิกายน เพราะเดิมไม่มีวันหยุดราชการหรือวันหยุดนักขัตฤกษ์เลย ประกอบกับเป็นช่วงเด็กนักเรียนปิดเทอม จึงเห็นควรประกาศเป็นวันหยุดยาว ในวันพฤหัสบดีที่ 19 พฤศจิกายน และวันศุกร์ที่ 20 พฤศจิกายน ซึ่งจะทําให้มีวันหยุดราชการต่อเนื่องไปถึงวัน เสาร์ - วันอาทิตย์ ตั้งแต่วันที่ 19 – 22 พฤศจิกายนรวมเบ็ดเสร็จทั้งสิ้น 4 วัน
ส่วนในเดือนธันวาคม เดิมมีวันหยุดปกติอยู่แล้วในวันเสาร์ที่ 5 ธันวาคม 2563 ซึ่งเป็นวันคล้ายวันพระบรมราชสมภพของพระบาทชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร , วันพ่อแห่งชาติ และตามปกติจะต้องหยุดชดเชยในวันจันทร์ที่ 7 ธันวาคม
แต่เนื่องจากวันพฤหัสบดี 10 ธันวาคม 2563 ซึ่งเป็นวันรัฐธรรมนูญ ที่เดิมทีก็เป็นวันหยุดอยู่แล้ว แต่ในเดือนธันวาคมที่จะถึงนี้ อาจจะต้องมีการเลือกตั้งท้องถิ่น ซึ่งกระทรวงมหาดไทยกำลังเตรียมการ ดังนั้นจึงให้เลื่อนวันหยุดชดเชยจากวันจันทร์ที่ 7 ธันวาคม ไปเป็นวันศุกร์ที่ 11 ธันวาคม ซึ่งจะทำให้มีวันหยุดราชการต่อเนื่องรวม 4 วัน ตั้งแต่ที่ 10 - 13 ธันวาคม 2563
ขณะที่วันหยุดที่เหลือของเดือนธันวาคมอีกหนึ่งวันคือวันพฤหัสบดีที่ 31 ธันวาคม 2563 ซึ่งถือเป็นวันสิ้นปี และจะหยุดต่อเนื่องคาบเกี่ยวมายังปี 2564 ในวันศุกร์ที่ 1 มกราคม 2564 ซึ่งเป็นวันขึ้นปีใหม่ และเมื่อรวมกับวันหยุดต่อเนื่องวันเสาร์ - วันอาทิตย์ ก็ทำให้สิ้นปีนี้หยุดตั้งแต่ 31 ธันวาคม - 3 มกราคม 2564
ข่าวที่เกี่ยวข้อง