ผลการวิจัยล่าสุดจากแคสเปอร์สกี้ บริษัทผู้เชี่ยวชาญด้านความปลอดภัยทางไซเบอร์ระดับโลก ยืนยันว่า ในช่วง 2-3 เดือนแรกของปี 2020 โซเชียลมีเดียเป็นกิจกรรมอันดับต้นๆ สำหรับผู้ใช้ออนไลน์ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ การศึกษาครั้งใหม่นี้จัดทำขึ้นเมื่อเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา จากผู้ตอบแบบสอบถาม 760 คน พบว่าผู้ปกครอง 80% ในภูมิภาคนี้ใช้เวลาส่วนใหญ่ไปกับแอพโซเชียลเน็ตเวิร์กต่างๆ เนื่องจากข้อจำกัดในช่วงการล็อกดาวน์บังคับให้พวกเขาต้องทำงานที่บ้านและดูแลลูกๆ ในเวลาเดียวกัน
นายสเตฟาน นิวไมเออร์ กรรมการผู้จัดการ บริษัทแคสเปอร์สกี้ ประจำภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก กล่าวว่า “เราต้องเข้าใจว่าเส้นแบ่งระหว่างความเป็นพ่อแม่และการทำงานในวิชาชีพนั้นเลือนลางอย่างมาก เนื่องจากบ้านได้กลายเป็นสำนักงานและโรงเรียนไปเสียแล้ว โซเชียลมีเดียจึงเป็นแพลตฟอร์มสำหรับคุณแม่และคุณพ่อในการพักผ่อน และค้นหาคำแนะนำและที่พึ่งทางอารมณ์จากกลุ่มต่างๆ”
“ในขณะที่แพลตฟอร์มเครือข่ายเสมือนจริงเหล่านี้สามารถเป็นแหล่งความรู้และความช่วยเหลือที่มีประโยชน์สำหรับผู้ปกครอง แต่ก็จำเป็นต้องจำไว้ว่า บุคคลที่มีเจตนาไม่ดีก็แฝงตัวอยู่ที่นี่เช่นกัน จำเป็นต้องระมัดระวังเกี่ยวกับข้อมูลที่เราโพสต์ในบัญชีโซเชียลมีเดีย เนื่องจากอันตรายที่ใหญ่ที่สุดนั้นขึ้นอยู่กับข้อมูลที่แชร์บนเว็บไซต์โซเชียลและแหล่งข้อมูลสาธารณะอื่นๆ โดยข้อมูลนี้สามารถนำไปวิเคราะห์และใช้โดยคนแปลกหน้า รวมถึงอาชญากรทุกรูปแบบ” นายสเตฟาน กล่าวเสริม
ทุกสิ่งที่ผู้ปกครองหรือบุตรหลานเผยแพร่ทางออนไลน์สามารถส่งผลกระทบได้ ไม่ว่าจะเป็นการโพสต์ความรู้สึกโกรธในหัวข้อทั่วๆ ไป การโพสต์รูปภาพส่วนตัว หรือรายละเอียดชีวิตส่วนตัว ดังนั้นจึงเป็นเรื่องสำคัญที่ต้องตระหนักและสอนเด็กๆ ว่า “ก่อนที่คุณจะคลิกปุ่ม ‘เผยแพร่’ ให้ใช้เวลาคิดสักครู่” คิดถึงผลเสียที่อาจเกิดขึ้นจากโพสต์ในอนาคต ข้อมูลนี้จะส่งผลเสียต่อชีวิตส่วนตัวของคุณหรือคนอื่นหรือไม่ นายจ้างในอนาคตจะพูดอะไรถ้าพวกเขาเห็น เป็นไปได้ไหมที่จะใช้ข้อมูลนี้เพื่อติดตามคุณหรือบุตรหลานของคุณในโลกแห่งความเป็นจริง ใครจะสามารถเห็นข้อมูลนี้
อะไรที่ไม่ควรโพสต์ออนไลน์เด็ดขาด!
คำแนะนำสิ่งที่ควรทำ