9 ธันวาคม 2563 นายเทพไท เสนพงศ์ ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึง การแก้ปัญหาน้ำท่วมในหลายพื้นที่ของจังหวัดในภาคใต้ในตอนนี้ว่า ทุกครั้งที่มีเหตุการณ์น้ำท่วมหรือเกิดภัยแล้ง ก็จะมีกระแสการเรียกร้อง หรือพูดถึงความจำเป็นของการตั้งกระทรวงใหม่ที่เกี่ยวกับน้ำ มีหน้าที่และภารกิจหลักในการแก้ปัญหาน้ำท่วมและภัยแล้งที่เกิดขึ้นเป็นประจำทุกปี
จากกระแสข่าวการจัดตั้งกระทรวงทรัพยากรน้ำในช่วงนี้นั้น ส่วนตัวสนับสนุนแนวความคิดการจัดตั้งกระทรวงทรัพยากรน้ำขึ้นมาอีกกระทรวงหนึ่ง กำหนดให้มีบทบาทหน้าที่เกี่ยวกับการบริหารนำ้ แก้ไขปัญหาน้ำท่วม และภัยแล้งอย่างเป็นระบบ
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
กรมอุตุฯพยากรณ์อากาศเพื่อการท่องเที่ยว 10-13 ธ.ค.นี้
ราชกิจจาฯประกาศปลดบุคคลนามสกุลดัง จากล้มละลาย
ครม.เคาะลดค่าธรรมเนียมจดทะเบียนนิติบุคคลทางอิเล็กทรอนิกส์ 50%
มีความเหมาะสมมากกว่าการจัดตั้ง สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ ตามประกาศ คสช.ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นเพียงหน่วยงานด้านนโยบาย ไม่ใช่หน่วยงานในภาคปฎิบัติ
ดังนั้น ถ้าหากมีการนำองค์กรหรือหน่วยงานที่เกี่ยวกับน้ำมาอยู่รวมกัน ในสังกัดกระทรวงทรัพยากรน้ำ ก็จะเป็นกระทรวงที่บูรณาการเรื่องเกี่ยวกับนำ้ครบวงจร และสามารถโอนย้ายหน่วยงานระดับกรมมาอยู่ในสังกัดได้ เช่น กรมชลประทาน,กรมทรัพยากรน้ำ,กรมทรัพยากรน้ำบาดาล,กรมฝนหลวง,กรมเจ้าท่า,กรมอุตุนิยมวิทยา ฯลฯ และนำหน่วยงานรัฐวิสาหกิจที่เกี่ยวกับนำ้มาอยู่ในสังกัด 3 หน่วยงาน เช่น การประปานครหลวง,การประปาส่วนภูมิภาค,องค์การกำจัดน้ำเสีย ฯลฯ ซึ่งจะเป็นกระทรวงขนาดใหญ่ มีหน่วยงาน 6 กรม 3รัฐวิสาหกิจ และจะเป็นกระทรวงระดับเกรดAอีกกระทรวงหนึ่ง
อยากจะเสนอให้รัฐบาลได้สะสางปัญหาการบริหารกระทรวงทบวงกรมให้สอดคล้องกับภารกิจและบทบาทหน้าที่ของแต่ละกระทรวง เช่น กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา และกระทรวงวัฒนธรรม สมควรที่จะจัดแบ่งหน่วยงานตามภารกิจที่สอดคล้องกัน จัดตั้งเป็นกระทรวงวัฒนธรรมและการท่องเที่ยว กับกระทรวงกีฬาและเยาวชน ซึ่งน่าเสียดายโอกาสในยุค คสช. ที่สามารถใช้มาตรา 44 แบ่งแยกจัดตั้งกระทรวงได้ทันที รวดเร็วกว่าการออกเป็นพระราชบัญญัติจัดตั้งกระทรวงจากรัฐสภา ที่มีขั้นตอนอีกมากมาย