“ปีใหม่” นี้ ไม่คึกคักนะครับ
เพราะ COVID 19 ยังคงอยู่กับเราแม้ว่าจะผ่าน 2020 เข้าสู่ 2021
ต้นปีที่แล้ว โดยบังเอิญผมได้พบเพื่อนเก่า หมอผู้เชี่ยวชาญระบาดวิทยาระดับโลก ตอนนั้นเพิ่งมีไม่กี่ CASE เพื่อนหมอดันกระซิบ “ถึง 65 ล้านคนแน่” ใครจะไปเชื่อ
ก่อน CASE สมุทรสาครหลายอาทิตย์ หมอคนเดียวกันนั้นมากระซิบ “ถึง 100 ล้านคนแน่” ตอนนั้นเกือบ 65 ล้านคนแล้ว
100 ล้านคน จึงเป็นตัวเลขที่ไม่น่าตกใจเท่ากับตอนต้นปีที่บอกว่าทั่วโลกจะติด 65 ล้านคน
ผ่านส่งท้ายปีเก่า 2020 เข้าปีใหม่ เมืองไทยเจอทั้ง “มหาชัย” และ “ระยอง” ตัวเลขผู้ป่วยแต่ละวันจากเดิมไม่ถึงหลักสิบ ก้าวมาเป็นร้อย และคงจะเป็นพันเป็นหมื่นในไม่ช้า
ความตื่นตะหนก “คนไทย” ยามนี้เปรียบเทียบกับ “คนอเมริกัน” ดูจะหนักกว่า ทั้งที่คนของเขาตรวจพบวันละเป็นหมื่น เป็นแสน
ติดสะสมเกิน 21 ล้านคน และเสียชีวิตมากกว่า 360,000 คน ของเราติดสะสม 9,000 คน และตาย 60 กว่าคน
เพื่อนคนไทยของผมในซานฟรานซิสโก ในซีแอตเติ้ล ยังบินไปบ่อน RENO และ LAS VEGAS เกือบทุกอาทิตย์
เอ หรือ “บ่อน” ของเขาไม่ใช่ “โกดัง” จึงปลอดภัย (ฮา)
“บ่อน” ในอเมริกาเป็น “บ่อน” ถูกกฎหมาย ไม่ต้องหลบๆ ซ่อนๆ จึงสามารถสร้างความมั่นใจ ความปลอดภัย ทั้งจาก “โรค” และจาก “โกง”
การระบาดของไทยครั้งนี้พูดกันขำๆว่า “ไวรัสโควิด 19” กลายพันธุ์เป็น “ไวรัสสีเทา” จุดเริ่มต้นมาจาก “ธุรกิจสีเทา” ทั้งแรงงานเถื่อน บ่อนการพนัน และซ่อง
ระบาดมาจาก “พวกผู้ผิดกฎหมาย”
แต่ตอนนี้ทางการออกมาตรการเข้มกับคนที่เป็น “พลเมืองดี” ล่าสุดก็ “ห้ามนั่งกินอาหารในร้านหลัง 1 ทุ่ม”
คนมีอารมณ์ขันก็อดถามไม่ได้ว่า “เชื้อโควิดมันจะออกมาหลังทุ่มหรืออย่างไร”
ในการต่อสู้กับ “โควิด 19” แน่นอนจะต้องมี “การถ่วงดุล” ให้ดีระหว่าง “สาธารณสุข” กับ “เศรษฐกิจ” โดยเฉพาะอย่างยิ่งความคิดในหมู่ผู้มีรายได้น้อย ที่เชื่อว่า ติด “โควิด” ไม่ตาย แต่จะอดตายจากธุรกิจที่ล้มหายตายจาก
โชคดีที่ยังมี “ข่าวดี” ให้คนเกิด “ความหวัง” นั่นคือ วัคซีน ที่ผลิตในหลายประเทศ และได้มีการทดลองฉีดกันแล้ว
ในประเทศไทย กระทรวงสาธารณสุขเผยไทยเริ่มผลิตวัคซีนโควิด 19 ในประเทศแล้ว โดยได้รับการถ่ายทอดจาก ม.อ๊อกซ์ฟอร์ด และบริษัท แอสตราเซนเนก้า โดยสยามไบโอไซเอนซ์ จะได้รับการถ่ายทอดกระบวนการผลิต มีกำลังการผลิตปีละ 200 ล้าน DOSE และจะทยอยส่งมอบ LOT แรกในเดือน พฤษภาคม ปีนี้
เมืองไทยแม้จะเชื่อใน “สิ่งศักดิ์สิทธิ์” กันแพร่หลาย แต่ราษฎรก็ยังโชคดีที่มี “พระมหากษัตริย์” ที่ทรงเชื่อใน “วิทยาศาสตร์” และทรงทุ่มเท ลงทุนพัฒนาด้านการสาธารณสุข ทันสมัย และสากล
ในปี พ.ศ. 2459 “เจ้าฟ้า” พระองค์หนึ่ง เสด็จฯไปยังอเมริกา เพื่อทรงศึกษาด้านสาธารณสุขศาสตร์ สมเด็จเจ้าฟ้ามหิดลอดุลยเดชฯ ทรงให้สัมภาษณ์หนังสือพิมพ์ NEW YORK TIMES ความว่า
“ในหลายปีที่ผ่านมาได้เกิดกาฬโรคระบาดในสยาม ซึ่งติดมาจากชาวจีนอพยพ ส่วนอหิวาตกโรค โรคเหน็บชา โรคเมืองร้อนอื่นๆ รวมทั้งโรคติดเชื้อนั้นเกิดขึ้นจนเป็นเรื่องธรรมดาไปแล้ว การเสียชีวิตของเด็กวัยทารกมีมาก ฉันตั้งความปรารถนาจะศึกษาหาความรู้ไปขจัดปัญหาดังกล่าวให้หมดไป หรืออย่างน้อยก็วางรากฐานการทำงานนี้ให้สำเร็จเพื่อว่าอีก 50 ปีข้างหน้า ชาวสยามจะได้มีสุขอนามัยที่ดี...”
ปีใหม่นี้ก็ต้องขออัญเชิญ “สิ่งศักดิ์สิทธิ์” ในสากลโลก คุ้มครอง “ท่านผู้อ่าน” ที่รัก
ปลอดโรค ปลอดภัย
หน้า 21-22 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 40 ฉบับที่ 3,642 วันที่ 7 - 9 มกราคม พ.ศ. 2564
ข่าวที่เกี่ยวข้อง