" ออริจิ้น" เผยยอดขาย ทะลุ 25,600 ล้าน เดินหน้าสู้ศึกอสังหาฯปี 64

05 ม.ค. 2564 | 07:46 น.

“ออริจิ้น” เผยยอดขายทั้งปี 2563 ทะลุ 25,600 ล้านบาท หลังปรับตัวต่อเนื่องทั้งก่อนและหลังโควิด-19 จ่อเดินหน้าแผนธุรกิจปี 2564 หลังประเมินโควิดระลอกใหม่ กดดันตลาดระยะสั้น ไม่กระทบภาพรวมทั้งปี โดยมีวัคซีนเป็นจุดเปลี่ยน

นายพีระพงศ์ จรูญเอก ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) หรือ ORI ผู้พัฒนาธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ครบวงจร กล่าวว่า ภาพรวมยอดขาย (Presale) ของบริษัท ทั้งปี 2563 อยู่ที่ประมาณ 25,600 ล้านบาท สูงกว่าเป้าหมายของปีนี้ที่วางไว้ที่ 21,500 ล้านบาท สวนทางสภาวะตลาดอสังหาริมทรัพย์โดยรวม  

 “Key Success ของธุรกิจตอนนี้คือเรื่องการปรับตัว ซึ่งจากการปรับตัวอย่างต่อเนื่องทั้งช่วงก่อนและหลัง COVID-19 ส่งผลให้ปี 2563 ถือเป็นปีที่เราทำตลาดที่อยู่อาศัยกลุ่ม Ready to move ได้ค่อนข้างโดดเด่น คิดเป็นสัดส่วนราว 65% ของยอดขายทั้งหมด ขณะเดียวกัน ด้วยจุดเข็งของบริษัทในการวิเคราะห์ตลาด ตลอดจนการเลือกทำเลและเซ็กเมนท์ที่มีศักยภาพ ทำให้เราสามารถค้นหาเรียลดีมานด์เจอ พัฒนาสินค้าคุณภาพที่มีทั้ง Living Solution และ Reaching Solution ตอบโจทย์ความต้องการ และสร้างยอดขายในกลุ่มโครงการเปิดตัวใหม่ได้ดีอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้ยอดขายรวมทั้งปี 2563 ของเราออกมาได้เหนือกว่าเป้าหมาย” นายพีระพงศ์ กล่าว 

 ทั้งนี้ ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ ได้ปรับตัวอย่างต่อเนื่องหลายอย่างตั้งแต่ช่วงก่อน COVID-19 อาทิ การปรับสัดส่วนธุรกิจมาพัฒนาโครงการบ้านจัดสรรภายใต้บริษัท บริทาเนีย จำกัด เพิ่มขึ้น การเปิดตัวแบรนด์บ้านจัดสรรเซ็กเมนท์ใหม่ๆ ทั้งเซ็กเมนท์ตลาด 2-5 ล้านบาทอย่างแบรนด์ไบรตัน (Brighton) เซ็กเมนท์ตลาด 7-10 ล้านอย่างแกรนด์บริทาเนีย (Grand Britania) และเซ็กเมนท์ 25 ล้านบาทขึ้นไปอย่างเบลกราเวีย (Belgravia)ส่งผลให้มียอดขายบ้านจัดสรรคิดเป็นสัดส่วนราว 25% ของยอดขายทั้งหมดในปี 2563 เข้าถึงกลุ่มลูกค้าในตลาดใหม่ๆ มากขึ้น 

ขณะเดียวกัน บริษัทยังรักษาระดับการพัฒนาโครงการคอนโดมิเนียมในปริมาณใกล้เคียงเดิม แต่ใช้หลากหลายกลยุทธ์เพื่อให้เข้าถึงตลาดได้กว้างขึ้น อาทิ การเปิดตัวแบรนด์ใหม่ โซโห แบงค็อก (SOHO Bangkok) โครงการแรกบนทำเลรัชดา เพื่อขยายฐานตลาดไฮเอนด์เพิ่มขึ้น แม้จะเพิ่งเปิดตัวในช่วงปลายไตรมาส 4 แต่ก็ได้รับการตอบรับที่ดี มียอดขายแล้วกว่า 60% การจับมือพันธมิตรเกาหลีใต้พัฒนาโครงการไนท์บริดจ์ สเปซ สุขุมวิท พระราม 4 (KnightsBridge Space Sukhumvit Rama 4) จนทำให้กวาดยอดขายไปแล้วถึง 98% ด้านแบรนด์ดิ ออริจิ้น (The Origin) ก็ใช้กลยุทธ์ใหม่ๆ เช่น Origin Next Normal ลดต้นทุนด้านการบริหารจัดการที่ไม่กระทบต่อตัวสินค้า เพื่อให้ผู้บริโภคเข้าถึงโครงการที่อยู่อาศัยได้ง่ายขึ้น 
 

ขณะที่โครงการกลุ่ม Ready to move ก็ประสบความสำเร็จจากโครงการ Everyone can sell โครงการที่เปิดโอกาสให้พนักงานเครือออริจิ้นกว่า 1,200 คน กลายเป็น Micro-Influencer สร้างยอดขายได้ด้วยการเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายตัวเอง โดยโครงการดังกล่าวสร้างยอดขายในปีนี้ได้ถึงราว 10% ของยอดขายทั้งปี 

นายพีระพงศ์ กล่าวอีกว่า สำหรับปี 2563 นั้น ถือเป็นปีที่ภาคเศรษฐกิจและอสังหาริมทรัพย์มีการปรับฐานครั้งใหญ่จากปัจจัยที่ไม่เคยเผชิญมาก่อน และน่าจะเป็นจุดพักฐานที่ต่ำที่สุดในรอบหลายปี ขณะที่ปี 2564 นั้น สถานการณ์ COVID-19 ระลอกใหม่ อาจเข้ามามีส่วนกดดันตลาดในระยะสั้นช่วงต้น-กลางไตรมาสแรก แม้ระยะยาวอาจจะต้องจับตากันอย่างต่อเนื่อง แต่เชื่อว่าเรื่องดังกล่าวจะไม่ส่งผลกระทบต่อภาพรวมทั้งปีของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ และภาพรวมทั้งปี 2564 จะยังเติบโตได้มากกว่าปี 2563 

 “ปีนี้เรามีตัวพลิกเกม หรือ Game Changer ที่ชัดเจนกว่าปี 2563 คือการทยอยฉีดวัคซีนทั่วโลกและโอกาสกลับมาเปิดประเทศอีกครั้ง เรื่องดังกล่าวจะส่งผลทั้งทางตรงและทางอ้อมให้ผู้บริโภคกลับมามีกำลังซื้อและมีความมั่นใจในการจับจ่ายใช้สอยมากขึ้น ขณะเดียวกันทุกภาคส่วนของไทยก็มีความตื่นตัวต่อสถานการณ์ มีความจริงจังต่อการป้องกันและแก้ไขปัญหาดังกล่าว ออริจิ้นและผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์รายอื่นๆ เอง ก็มีประสบการณ์การปรับตัวและการรับมือกับความท้าทายต่างๆ ตลอดทั้งปีที่ผ่านมา เชื่อว่าทั้งหมดจะเป็นปัจจัยสำคัญให้ภาพรวมตลาดปี 2564 ขับเคลื่อนไปได้มากกว่าปี 2563” นายพีระพงศ์ กล่าว