ปม “วัคซีนโควิด-19” ร้อนแรงขึ้นมาทันที เมื่อ ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้า ได้ไลฟ์สดผ่านโซเชียลทางเพจคณะก้าวหน้า วิพากษ์วิจารณ์การบริหารเรื่องวัคซีนโควิดของรัฐบาล และพาดพิงไปถึงสถาบัน เมื่อคืนวันที่ 18 ม.ค.2564
จน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม อดรนทนไม่ไหวต้องสั่งใช้มาตรการขั้นเด็ดขาด ดำเนินคดีอาญาเอาผิดกับนายธนาธร
โดยเมื่อวันที่ 20 ม.ค. 2564 ที่ผ่านมา พุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) มอบหมายให้ เนวินธุ์ ช่อชัยทิพฐ์ ผู้ช่วยรมว.ดีอีเอส ร่วมกับ ทศพล เพ็งส้ม ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และสุภรณ์ อัตถาวงศ์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำนายกรัฐมนตรี เข้ายื่นแจ้งความต่อกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (ปอท.) เอาผิด นายธนาธร ในฐานความผิด หมิ่นประมาท ดูหมิ่น หรือแสดงความอาฆาตมาดร้ายพระมหากษัตริย์ พระราชินี รัชทางยาท หรือผู้สำเสร็จราชการแทนพระองค์ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 3-15 ปี
และกระทำการนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือนหรือปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน ตามพ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำ ความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ มาตรา 14 อนุ 1 ต้องระวางโทษจําคุกไม่เกิน 5 ปี หรือ ปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือทั้งจําทั้งปรับ
“การออกมาพูดของนายธนาธร พบความผิดถึง 11 ช่วงตอน ทำให้สังคมเข้าใจสถาบันไปในทางที่ผิดและทำให้เกิดความสับสน ประชาชนได้รับข้อมูลที่ไม่ถูกต้อง สร้างความเสียหายที่ไม่อาจยอมได้ รวมถึงสร้างความไม่มั่นใจในการทำงานของรัฐบาล ทั้งนายกรัฐมนตรี และกระทรวงสาธารณสุข เรื่องวัคซีนป้องกันโควิด-19 จึงต้องดำเนินการทางกฎหมายทันที” นายทศพล ระบุ
คดีนี้ถือเป็นคดี “อาญา” ล่าสุดมีโทษจำคุกที่ธนาธรต้องเผชิญ ก่อนหน้านี้ก็มีคดี อาญา อย่างน้อย 4 คดีที่พันธนาการเขาอยู่
คดีแรก เป็นคดีที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) แจ้งความให้ดำเนินคดี ธนาธร กรณีรู้อยู่แล้วว่าตนไม่มีคุณสมบัติใน การสมัครรับเลือกตั้งส.ส. แต่ยังใช้สิทธิลงสมัครรับเลือกตั้ง เข้าข่ายความผิดมาตรา 151 พ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้งส.ส. 2561
อันเป็นผลพวงมาจากที่ก่อนหน้านั้น เมื่อวันที่ 20 พ.ย. 2562 “ศาลรัฐธรรมนูญ” ได้มีคำวินิจฉัยให้สมาชิกภาพส.ส.ของ ธนาธร สิ้นสุดลง ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 101 (6) ประกอบมาตรา 98 (3) จากกรณีถือหุ้นสื่อ บริษัท วี-ลัค มีเดีย จำกัด อยู่ในวันที่ 6 ก.พ. 2562 ซึ่งเป็นวันที่พรรคอนาคตใหม่ ยื่นบัญชีรายชื่อ ผู้สมัครรับเลือกตั้งเป็น ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อต่อ กกต.
โดยคดีนี้มีความผิดต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 1-10 ปี ปรับ 20,000-200,000 บาท และเพิกถอนสิทธิเลือกตั้ง 20 ปี
ความคืบหน้าคดีนี้ เมื่อวันที่ 12 ม.ค.2564 ตำรวจ สน.ทุ่งสองห้อง ได้นำตัวธนาธร อดีตหัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ พร้อมสำนวนเห็นควรสั่งฟ้องคดีส่งให้อัยการแล้ว และอัยการได้นัดฟังคำสั่งคดีในวันที่ 19 ก.พ. 2564
อีกคดีอาญาที่น่าสนใจคือ กรณี “คณะก้าวหน้า” ของ 3 แกนนำคือ นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ นายปิยบุตร แสงกนกกุล และ ช่อ-พรรณิการ์ วานิช ถูกร้องเรียนต่อ กกต. ในกรณีการกระทำคล้ายพรรคการเมือง ในการเลือกตั้งนายกและสมาชิกกองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) ซึ่งอาจเข้าข่ายเป็นความผิดตาม มาตรา 111 ของพ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมือง
สำหรับความผิดตาม มาตรา 111 พ.ร.ป. พรรคการเมือง ระบุว่า ผู้ใดสมคบกันตั้งแต่ 2 คนขึ้นไป ดำเนินกิจกรรมทางการเมืองที่มี ลักษณะคล้ายกับพรรคการเมือง อาจต้องโทษ จำคุกไม่เกิน 3 ปี ปรับไม่เกิน 6 หมื่นบาท หรือ ทั้งจำทั้งปรับ รวมทั้งอาจต้องถูกตัดสิทธิทาง การเมืองเป็นเวลา 5 ปี
ความคืบหน้ากรณีนี้ เมื่อวันที่ 24 ธ.ค. 2563 ศรีสุวรรณ จรรยา ผู้ร้อง ได้เข้าให้ถ้อยคำต่อคณะกรรมการไต่สวนของ กกต.แล้ว
ทั้ง 5 กรณีที่ยกมานี้ รวมแล้วมีอัตราโทษจำคุกสูงสุด 10 + 5 + 10 + 20 + 3 เท่ากับ 48 ปี
ถือเป็น “วิบากกรรม” ของ “ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ” ทั้งในฐานะหัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ และประธานคณะก้าวหน้า ที่ต้องเผชิญ อันเป็นผลพวงมาจากการเคลื่อนไหวทางการเมือง...
คดีถัดไปเกิดจาก “พิษเงินกู้ 191.2 ล้าน” ที่ให้พรรคอนาคตใหม่กู้ยืมเงิน โดย เมื่อวันที่ 28 ต.ค. 63 กกต.ได้มีมติให้ดำเนินคดีอาญา ธนาธร และอดีตกรรมการบริหารพรรค รวม 15 คน
คดีนี้ย้อนไปเมื่อวันที่ 2 ก.พ. 2563 “ศาลรัฐธรรมนูญ” มีคำวินิจฉัยให้ยุบพรรคอนาคตใหม่ เนื่องจากกระทำผิดพ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมือง และที่ กกต.มีมติให้แจ้งความดำเนินคดีอาญากับนายธนาธร เป็นความผิดฐานบริจาคเงินเกิน 10 ล้านบาท ตามมาตรา 66 วรรคหนึ่งพ.ร.ป.พรรคการเมือง 2560 ซึ่งจะมีโทษตามมาตรา 124 จำคุกไม่เกิน 5 ปี ปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และศาลสั่งเพิกถอนสิทธิเลือกตั้ง 5 ปี
นอกจากนั้น กกต.อาจจะดำเนินคดีอาญากับธนาธร จากกรณีที่พรรคอนาคตใหม่ นำเงินรายได้ของพรรคที่ได้จากการระดมทุน การรับบริจาค ขายของที่ระลึก ไปใช้หนี้เงินกู้ให้กับ ธนาธร โดยมาตรา 132 กำหนดโทษไว้ หากหัวหน้าพรรค กรรมการบริหารพรรค และเหรัญญิกพรรค ผู้ใดนำเงินหรือยินยอมให้บุคคลนำเงิน ทรัพย์สินของพรรคไปใช้จ่ายเพื่อประโยชน์ส่วนตัวหรือบุคคลอื่น หรือนำไปใช้เพื่อการอื่นอันเป็นการฝ่าฝืนมาตรา 87 วรรคหนึ่ง ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 5-10 ปี ปรับตั้งแต่ 1 แสน-2 แสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
ข่าวที่เกี่ยวข้อง:
ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ “ปากพาจน”
"ภราดร ปริศนานันทกุล"จวก "ธนาธร" เลอะเทอะโยงวัคซีนพระราชทาน
“ธนาธร”โต้รัฐบาลยันวิจารณ์วัคซีนโควิดตรวจสอบภาษีประชาชน
'ธนาธร'ไม่หวั่น ม.112 จี้เปิดเอกสาร "สยามไบโอไซเอนซ์"
“ดีอีเอส-ทศพล-แรมโบ้”แจ้งความเอาผิด“ธนาธร” ม.112 ปมพาดพิงสถาบัน