รศ.นพ. ทวีสิน ตันประยูร ประธานปฏิบัติการด้านการแพทย์ โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ เปิดเผยว่า โควิด-19 เป็นอีกจุดเปลี่ยนสำคัญที่ทำให้คนสนใจสุขภาพมากขึ้นทั้งในด้านการดูแลสุขภาพเชิงป้องกันการส่งเสริมสุขภาพ ตลอดจนการรักษาโรคมีความซับซ้อนมากขึ้น
แม้ว่าในช่วงที่ผ่านมา เศรษฐกิจจะชะลอตัวลง แต่ก็ยังมีความต้องการและความตื่นตัวในเรื่องการดูแลสุขภาพมากขึ้น โรงพยาบาลจึงต้องเตรียมความพร้อมและยกระดับศักยภาพในเชิงการแพทย์อยู่ตลอดเวลา โดยเฉพาะการรักษาโรคยากหรือโรคที่มีความซับซ้อน
ทิศทางการดำเนินงานทางด้านการแพทย์ของโรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ในปี 2564 ยังคงขับเคลื่อนสู่เป้าหมายการให้บริบาลสุขภาพแบบองค์รวมระดับโลกด้วยนวัตกรรม (World-class holistic healthcare with innovation) โดยให้ความสำคัญในจุดแข็ง 3 ประการหลัก หรือ 3C ประกอบด้วย
1. Critical Care การรักษาผู้ป่วยภาวะวิกฤต มีทีมแพทย์ผู้ชำนาญการด้านผู้ป่วยวิกฤต และทีมสหวิชาชีพ ที่พร้อมปฏิบัติงานตลอด 24 ชั่วโมง เพราะทุกเสี้ยววินาทีคือความอยู่รอดหรือการสูญเสีย ซึ่งจำเป็นต้องอาศัยแพทย์ผู้ชำนาญการเฉพาะทางที่มีประสบการณ์สูง เพื่อความแม่นยำและรวดเร็วในการวินิจฉัยและรักษาให้ทันต่อสถานการณ์ ควบคู่ไปกับความชำนาญในการใช้อุปกรณ์และเทคโนโลยีที่มีประสิทธิภาพสูงในการรักษา ในพื้นที่ที่ออกแบบมาเพื่อการดูแลรักษาผู้ป่วยวิกฤตโดยเฉพาะ
2. Complicated disease การรักษาผู้ป่วยที่มีอาการซับซ้อนหลายโรค หรือเป็นผู้ป่วยที่อ่อนแอ มีโอกาสทรุดหนักหรือเสี่ยงต่อการเสียชีวิตสูง บำรุงราษฎร์เคยรักษาผู้ป่วยที่ป่วยเป็น 4-5 โรครวมกัน โดยมี Center of Excellence ที่ครอบคลุมการรักษาในทุกโรค มีทีมสหวิชาชีพที่ทำงานร่วมกันได้เป็นอย่างดี ทุกคนมองเป้าหมายเดียวกันคือความปลอดภัยสูงสุดของผู้ป่วยเป็นสำคัญ (patient safety) จึงทำงานเป็นทีมเวิร์คได้อย่างมีประสิทธิภาพ และรักษาเคสยากๆ ที่มีความซับซ้อนได้สำเร็จ
3. Cutting-edge technology การรักษาผู้ป่วยที่จำเป็นต้องใช้เทคโนโลยีขั้นสูง รวมถึงการนำนวัตกรรมและเทคโนโลยีใหม่ๆ มาใช้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการรักษาให้ดียิ่งขึ้น อาทิ หุ่นยนต์ช่วยผ่าตัด da Vinci ช่วยศัลยแพทย์ผ่าตัด, MAKO แขนกลหุ่นยนต์เปลี่ยนข้อเทียม, คอมพิวเตอร์นำวิถี ฯลฯ เพื่อช่วยให้กระบวนการผ่าตัดที่มีความสลับซับซ้อนหรืออยู่ในตำแหน่งที่เข้าถึงยากทำได้อย่างแม่นยำ ปลอดภัยและมีประสิทธิภาพมากขึ้น
ทั้งนี้บำรุงราษฎร์ มีแพทย์ผู้ชำนาญการในสาขาวิชาที่เกี่ยวข้องร่วมกันพิจารณาถึงการรักษาที่เหมาะสมกับผู้ป่วยแต่ละรายในราคาที่สมเหตุสมผล คุ้มค่ากับการรักษา เช่น รักษาหายและไม่ต้องกลับมารักษาซ้ำ หรือไม่ต้องนอนโรงพยาบาลนาน เพราะมีเทคโนโลยีที่ทำให้แผลเล็ก ลดอาการเจ็บปวด ทำให้ผู้ป่วยฟื้นตัวและกลับบ้านได้เร็ว
บำรุงราษฎร์มีแผนพัฒนาและขยายศูนย์ความเป็นเลิศทางการแพทย์ (Center of Excellence) โดยมีจุดยืนในการรักษาโรคยาก โรคซับซ้อน และโรคเฉพาะทางได้อย่างครอบคลุม ด้วยเทคโนโลยี โดยมีผู้ป่วยเป็นศูนย์กลาง เพื่อเน้นการเพื่อปูทางสู่การเป็น Destination medical tourism
รวมทั้งต่อยอดไปยังบริการ Bumrungrad at home ที่จะช่วยให้คนสามารถดูแล ป้องกัน รักษาตัวเองได้ที่บ้าน เพราะเทคโนโยลีทางการแพทย์ที่ก้าวหน้าช่วยให้คนสามารถดูแลตัวเองตั้งแต่ยังไม่เป็นโรค ขณะรักษา ไปจนถึงการติดตามผลหลังการรักษา
“การTransformation ครั้งนี้นอกจากความท้าทายของสถานการณ์โควิดแล้ว ยังเป็นก้าวแรกสู่การเปลี่ยนผ่านการบริหารจากเจเนอเรชั่นหนึ่งไปสู่อีกเจเนอเรชั่นหนึ่ง เป็นการเปลี่ยนแปลงค่อนข้างรวดเร็วและหนักหน่วง แต่ยังรักษาปณิธานเดิมของผู้ก่อตั้งที่ต้องการรักษาโรคยาก โรคซับซ้อน โดยคนไข้ไม่ต้องไปรักษาที่ต่างประเทศ ดังนั้นเราตั้งเป้าที่จะเป็นโรงพยาบาลระดับโลกที่รักษาแบบองค์รวมภายในปี 2565 ภายใต้วัฒนธรรมองค์กรที่ดี ทีมแพทย์ พยาบาลที่เข้มแข็ง สามารถรักษาโรคซับซ้อนและโรควิกฤตด้วยเทคโนโลยีทันสมัย
นอกจากนี้ บำรุงราษฎร์ จะเน้นเรื่องของ medical tourism ซึ่งเป็นจุดเด่นของประเทศไทยและ บำรุงราษฎร์ เป็นผู้นำด้านการท่องเที่ยวเชิงการแพทย์มาโดยตลอดเรามีพร์อตลูกค้ากลุ่มนี้มากที่สุด หากวัคซีนได้ผล medical tourism จะกลับมาแน่นอน”
ผศ.นพ.ก่อพงศ์ รุกขพันธ์ รองประธานอาวุโสปฏิบัติการด้านการแพทย์ โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ และผู้บัญชาการศูนย์โควิด-19 โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ กล่าวเสริมว่า ความสำเร็จของการรักษาโรคยาก โรคซับซ้อนจะเกิดขึ้นได้ต้องอาศัยแพทย์ที่มีความชำนาญสูงหลากหลายสาขาทำงานร่วมกัน พร้อมทีมงานสหสาขาวิชาชีพ การใช้เทคโนโลยีอย่างเหมาะสมและจำเป็นต้องมีระบบการบริหารจัดการที่มีประสิทธิภาพ
ทั้งนี้บำรุงราษฎร์ มีแผนพัฒนาและขยายศูนย์ความเป็นเลิศทางการแพทย์อย่างต่อเนื่อง เพื่อมุ่งเน้นการดูแลรักษาโรคเฉพาะทางได้อย่างครอบคลุมทุกมิติ ตั้งแต่การป้องกัน การวินิจฉัย การรักษา ตลอดจนถึงการฟื้นฟูสมรรถภาพ โดยแพทย์ผู้ชำนาญการเฉพาะทางซึ่งมีประสบการณ์สูง พร้อมด้วยเครื่องมือและเทคโนโลยีทางการแพทย์ที่ทันสมัย
ปัจจุบันโรงพยาบาลฯ มีการยกระดับ Center of Excellence โดยแผนการขยายศูนย์ฯ ส่วนหนึ่งจะดำเนินการผ่านโมเดลธุรกิจ Bumrungrad Health Network ร่วมกับโรงพยาบาลพันธมิตรกว่า 60 แห่งทั่วประเทศ เพื่อขยายการเข้าถึงการรักษาพยาบาลตามมาตรฐานบำรุงราษฎร์ในกลุ่มลูกค้าระดับกลาง ที่อาศัยอยู่ในเขตปริมณฑลและตามภูมิภาคต่างๆ
ข่าวที่เกี่ยวข้อง :