WHO ไฟเขียวแล้ว! วัคซีนต้านโควิดแบบฉีดเข็มเดียวของจอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน

13 มี.ค. 2564 | 23:03 น.
อัปเดตล่าสุด :14 มี.ค. 2564 | 06:33 น.

องค์การอนามัยโลก (WHO) ประกาศอนุมัติการใช้วัคซีนต้านไวรัสโควิด-19 ของบริษัทจอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน (J&J) เป็นกรณีฉุกเฉินแล้วเมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา

การประกาศดังกล่าวของ WHO มีขึ้นเมื่อวันที่12 มี.ค. หลังจาก สำนักงานยาแห่งยุโรป (EMA) ให้การอนุมัติ วัคซีนจอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน (J&J) เป็นกรณีฉุกเฉินไปก่อนหน้าในเวลาไม่ห่างกันนัก ขณะที่ สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยาของสหรัฐ (FDA) อนุมัติใช้นำไปก่อนตั้งแต่ปลายเดือนก.พ.แล้ว 

ทั้งนี้ ผู้ที่ได้รับ วัคซีนของบริษัทจอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน สามารถเข้ารับการฉีดเพียงโดสเดียว ในขณะที่วัคซีนของไฟเซอร์และแอสตร้าเซนเนก้าจำเป็นต้องได้รับ 2 โดส

ประเทศที่ขานรับข่าวดังกล่าวในทันทีคือ ฝรั่งเศส ซึ่งหน่วยงานที่กำกับดูแลเรื่องนี้ ได้แก่ สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (FDA) แห่งฝรั่งเศส ได้ประกาศอนุมัติการใช้วัคซีนต้านไวรัสโควิด-19 ของบริษัทจอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน เป็นกรณีฉุกเฉินวานนี้ (13 มี.ค.)

ส่วนในสหรัฐอเมริกา ซึ่งเป็นประเทศที่ตั้งของบริษัทจอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน (J&J) สำนักงานใหญ่นั้น ทางสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (FDA) ของสหรัฐอเมริกา ได้ให้การอนุมัติวัคซีนต้านโควิด-19 ของบริษัทเพื่อใช้ในกรณีฉุกเฉินตั้งแต่วันที่ 27 ก.พ. แล้ว ทำให้สหรัฐมีทางเลือกในการฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 ที่ไม่ต้องฉีดถึง 2 โดส เหมือนวัคซีนของผู้ผลิตรายอื่น ๆ และวัคซีนของ J&J ก็เป็นวัคซีนตัวที่ 3 ที่ได้รับอนุญาตให้ใช้งานเป็นกรณีฉุกเฉิน (EUA) ในสหรัฐอเมริกา หลังจากที่ก่อนหน้านี้ วัคซีนต้านโควิด-19 ที่ได้รับอนุมัติไปแล้ว 2 ตัวได้แก่ วัคซีนของบริษัทไฟเซอร์-บิออนเทค และวัคซีนของบริษัทโมเดอร์นา

WHO ไฟเขียวแล้ว! วัคซีนต้านโควิดแบบฉีดเข็มเดียวของจอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน

ทั้งนี้ ที่ผ่านมา วัคซีนของบริษัทผู้ผลิตรายอื่น ๆ เช่นไฟเซอร์-บิออนเทค และโมเดิร์นนา จำเป็นต้องฉีดถึงสองเข็มโดยเว้นระยะห่างประมาณสามถึงสี่สัปดาห์เพื่อการสร้างภูมิต้านทานโควิด-19 อย่างมีประสิทธิภาพ  ถึงแม้วัคซีนเหล่านี้ดูเหมือนจะให้ผลในทางป้องกันได้สูงถึงราว 95% หลังจากการฉีดเข็มที่สองแล้วก็ตาม แต่ข้อจำกัดเรื่องอุณหภูมิของการจัดเก็บและการต้องฉีดเข็มที่สองได้สร้างปัญหาและทำให้เกิดคำถามเกี่ยวกับความสะดวกและความเป็นไปได้ที่จะฉีดให้กับคนนับพันล้านคนทั่วโลกอย่างทั่วถึง

ขณะที่ J&J นั้น ประกาศว่า วัคซีนของบริษัทซึ่งใช้เพียงเข็มเดียว สามารถเก็บได้ที่อุณหภูมิตู้เย็นธรรมดา และมีประสิทธิผลโดยรวมในระดับ 66% (ซึ่งผ่านเกณฑ์ขององค์การอนามัยโลก) ในการป้องกันอาการเจ็บป่วยระดับปานกลางถึงระดับรุนแรง ทั้งยังสามารถป้องกันอาการป่วยที่ร้ายแรงที่สุดจากโควิด-19 ได้ถึง 85%

นอกจากนี้ วัคซีนของ J&J ยังปลอดภัยและใช้ได้ผลในคนหลายกลุ่มที่มีพื้นฐานต่างกัน คือ ผู้ร่วมทดลองราว 30% มีอายุเกิน 60 ปี และกว่า 40% มีความผิดปกติด้านสุขภาพซึ่งนับเป็นความเสี่ยงสำหรับ โควิด-19 อย่างเช่นเป็นโรคอ้วน เบาหวาน หรือติดเชื้อเอชไอวี เป็นต้น

J&J ประกาศว่าจะสามารถผลิตวัคซีนให้สหรัฐอเมริกาได้ 100 ล้านโดสภายในเดือนมิ.ย. นี้ และจะผลิตสำหรับประเทศอื่น ๆทั่วโลก 1,000 ล้านโดสภายในสิ้นปีนี้ (2564)

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง: