นายอดิศักดิ์ กิจเจริญธนารักษ์ ผู้ช่วยผู้ว่าการผลิตไฟฟ้า 2 การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) กล่าวว่า กฟผ. ได้นำสิ่งของและอุปกรณ์ทางการแพทย์ที่จำเป็นร่วมมอบให้กับโรงพยาบาลสนามจังหวัดเชียงใหม่ และโรงพยาบาลมหาราชนครเชียงใหม่ เพื่อสนับสนุนการทำงานของบุคลากรทางการแพทย์และทีมหน้าด่านในการต่อสู้กับโควิด-19 (Covid-19) ประกอบด้วย
ตู้ตรวจโควิด จำนวน 3 ตู้ (ตู้ความดันบวก 2 และตู้ความดันลบ 1)
น้ำดื่ม กฟผ. จำนวน 12,000 ขวด
ผ้าห่ม กฟผ. จำนวน 1,000 ผืน
สเปรย์แอลกอฮอล์แบบพกพา ขนาด 50 ml. จำนวน 1,000 ขวด
สเปรย์แอลกอฮอล์ ขนาด 500 ml. จำนวน 400 ขวด
แอลกอฮอล์แบบเติม ขนาด 500 ml. จำนวน 400 ขวด
เจลแอลกอฮอล์ขนาด 5 ลิตร จำนวน 50 แกลลอน
เสากดเจลแอลกอฮอล์แบบเท้าเหยียบ พร้อมเจลแอลกอฮอล์ จำนวน 10 ชุด
ทั้งนี้ หากโรงพยาบาลสนามใดต้องการตู้ตรวจโควิดสามารถติดต่อได้ที่ผู้อำนวยการฝ่ายแพทย์และอนามัย กฟผ. โดยส่งอีเมลมาที่ [email protected] โดยการพิจารณาให้การสนับสนุนดังกล่าว กฟผ. จะพิจารณาจัดสรรตามความเหมาะสม เพื่อช่วยบรรเทาสถานการณ์
นายเจริญฤทธิ์ สงวนสัตย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ กล่าวว่า สถานการณ์ของจังหวัดเชียงใหม่ในขณะนี้มียอดผู้ติดเชื้อค่อนข้างสูงมาหลายวัน อย่างไรก็ตามทีมงานสาธารณสุขจังหวัดได้ประเมินว่ายังสามารถรับมือและบริหารจัดการได้ ขณะเดียวกันก็จำเป็นต้องเตรียมโรงพยาบาลสนามไว้ให้เพียงพอ สำหรับการได้รับสนับสนุนสิ่งของบริจาค รวมถึงวัสดุอุปกรณ์ที่จำเป็นจาก กฟผ. และหน่วยงานต่าง ๆ จะถูกนำไปใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุดอย่างแน่นอน โดยเฉพาะตู้ตรวจโควิด ซึ่งมีความจำเป็นในการใช้งานอย่างยิ่งในขณะนี้ จะนำมอบให้โรงพยาบาลมหาราชนครเชียงใหม่ และโรงพยาบาลสนามต่อไป
ผู้ช่วยศาสตราจารย์นายแพทย์ นเรนทร์ โชติรสนิรมิต ผู้อำนวยการโรงพยาบาลมหาราชนครเชียงใหม่ กล่าวว่า โรงพยาบาลมีผู้เข้ารับบริการจำนวนมาก จึงจำเป็นต้องคัดกรองคนไข้ที่สงสัยจะเป็นโควิด-19 ดังนั้นตู้ความดันบวกที่ได้รับจาก กฟผ. ครั้งนี้จะมีประโยชน์อย่างยิ่งในการคัดกรอง เพราะว่าการคัดกรองผู้ป่วยที่มีความเสี่ยงก็อาจจะนำโรคมาสู่บุคลากรที่ทำงานก็เป็นได้ โดยบุคลากรจะเข้าไปนั่งในตู้ที่ทำให้เกิดความดันบวก ซึ่งเป็นอากาศสะอาดแล้วก็ทำการคัดกรองโดยการตรวจ swab ทางจมูกสำหรับผู้ป่วยหรือผู้ที่สงสัย การได้รับตู้จาก กฟผ. ครั้งนี้จะทำให้การคัดกรองมีความสะดวก รวดเร็ว และเพิ่มระดับความสามารถในการให้บริการของเรา ที่สำคัญที่สุดก็คือ ทำให้บุคลากรทางการแพทย์มีความปลอดภัยมากขึ้นในการตรวจคัดกรอง
ข่าวที่เกี่ยวข้อง :