ประเทศไทยมีการขยายตัวทางเศรษฐกิจ ทั้งภาคอุตสาหกรรม ภาคเกษตรกรรม และภาคบริการ (ท่องเที่ยว) ก่อให้เกิดการเจริญเติบโตของเมืองอย่างรวดเร็ว รวมทั้งโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมขนส่งในปัจจุบันและแนวโน้มการเติบโตของความต้องการใช้บริการโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมขนส่งที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องทั้งนี้จะเห็นได้ว่าโครงการลงทุนขนาดใหญ่เริ่มก่อสร้างเป็นรูปธรรมมากขึ้น เช่น โครงการรถไฟฟ้าในกรุงเทพมหานคร โครงการก่อสร้างถนนสายหลัก โครงการพัฒนาท่าอากาศยานต่างๆ โดยแต่ละโครงการมักจะพบปัญหาอุปสรรคจนกลายเป็นประเด็นอยู่บ่อยครั้ง โดยเฉพาะโครงการพัฒนาท่าอากาศยานสุวรรณภูมิระยะที่ 2 หรือเทอมินัล 2 ซึ่งเป็นอีกโครงการที่กลายเป็นประเด็นตั้งแต่ช่วงปี 2563 จนถึงปัจจุบัน
ล่าสุดรายงานข่าวจากบริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด(มหาชน) หรือ ทอท. เปิดเผยว่า สำหรับความคืบหน้าโครงการพัฒนาส่วนต่อขยายด้านทิศเหนือ (North Expansion) ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ขณะนี้องค์การการบินพลเรือนระหว่างประเทศ (ไอเคโอ) อยู่ระหว่างการศึกษารายละเอียดความคิดเห็นฯ คาดแล้วเสร็จภายในเดือนมิถุนายนนี้ หลังจากนั้นเราจะเสนอต่อประชุมคณะกรรมการพิจารณาแนวทางการเพิ่มขีดความสามารถอาคารผู้โดยสารท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ (ทสภ.) โดยมีนายอนุทิน ชาญวีรกุล รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมพิจารณาเห็นชอบ ส่วนสมาคมขนส่งทางอากาศ (ไออาตา) ได้ส่งผลการตรวจปรับปรุงผลการศึกษาแนวทางการพัฒนาท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ (ทสภ.) ที่เหมาะสมให้ ทอท. แล้ว เบื้องต้นเห็นว่าการพัฒนาส่วนต่อขยายด้านทิศเหนือเป็นทางเลือกในการพัฒนาท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ (ทสภ.) เหมาะสม
“ยอมรับว่าขณะนี้ยังมีหลายฝ่ายที่ไม่เห็นด้วยกับการดำเนินการดังกล่าว ทั้งนี้ ทอท. วางแผนไว้ว่า เมื่อที่ประชุมคณะกรรมการพิจารณาฯ เห็นชอบผลการศึกษาแล้ว จะจัดประชุมนำเสนอข้อมูลเชิงลึก เพื่อสร้างความเข้าใจว่าการพัฒนาส่วนต่อขยายด้านทิศเหนือจะช่วยแก้ไขปัญหาของ ทสภ. ได้อย่างไร โดยจะเชิญหน่วยงาน และบุคคลที่เกี่ยวข้อง มาร่วมรับฟัง พร้อมทั้งหารือต่อไป”
จากเดิมมีแผนเสนอผลการศึกษาฯ ของไออาตาให้ที่ประชุมคณะกรรมการพิจารณาแนวทางการเพิ่มขีดความสามารถของอาคารผู้โดยสารท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ (ทสภ.) ในวันที่ 29 เมษายน ที่ผ่านมา แต่เนื่องจากเกิดสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ค่อนข้างหนัก จึงขอเลื่อนออกไปก่อน ขณะเดียวกัน ทอท. มีความพร้อมที่จะดำเนินการพัฒนาส่วนต่อขยายด้านทิศเหนือ
ที่ผ่านมาสภาพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สภาพัฒน์) มีมติค้านการก่อสร้างเทอร์มินัล 2 หรือส่วนต่อขยายด้านทิศเหนือในสนามบินสุวรรณภูมิ ครั้งที่ 1 เมื่อวันที่ 19 ธันวาคม 2561 และได้มีหนังสือลงวันที่ 16 มกราคม 2562 ถึงกระทรวงคมนาคมเพื่อแจ้งบริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ ทอท.ต่อไป อีกทั้งสภาพัฒน์ได้มีมติค้านโครงการฯ เป็นครั้งที่ 2 เมื่อวันที่ 7 ตุลาคม 2563 และได้มีหนังสือลงวันที่ 29 ตุลาคม 2563 ถึงกระทรวงคมนาคมเพื่อแจ้ง ทอท.ต่อไป
ขณะเดียวกันหนังสือของสภาพัฒน์ ระบุว่า ที่ตั้งของส่วนขยายด้านทิศเหนือจะต้องลงทุนเพิ่มเติมเพื่อพัฒนาสิ่งอำนวยความสะดวกในการเชื่อมโยงกับเทอร์มินัล 1 ที่ใช้อยู่ในปัจจุบัน และอาคารเทียบเครื่องบินรองหลังที่ 1 เช่น รถไฟฟ้าไร้คนขับหรือเอพีเอ็ม และระบบลำเลียงกระเป๋าสัมภาระผู้โดยสาร เป็นต้น ทำให้ผู้โดยสารต้องมีขั้นตอนและระยะเวลาในการเดินทางเพิ่มขึ้น เมื่อเปรียบเทียบกับการขยายเทอร์มินัล 1 ด้านทิศตะวันออกและตะวันตก
ทั้งนี้การพิจารณาแนวโน้มฐานะทางการเงินของ ทอท. ระหว่างปี 2563-2576 พบว่าหากมีการก่อสร้างส่วนต่อขยายด้านทิศเหนือ ทอท.อาจขาดสภาพคล่องทางการเงินระหว่างปี 2565-2567 ซึ่งในช่วงเวลาดังกล่าว ทอท.อาจต้องลงทุนเพิ่มเติมเพื่อพัฒนาสนามบินอื่น เช่น สนามบินดอนเมือง และสนามบินเชียงใหม่ เป็นต้น ทำให้ ทอท.ต้องหาแหล่งเงินทุนเพิ่มเติมเพื่อเสริมสภาพคล่องในการลงทุนก่อสร้างส่วนต่อขยายด้านทิศเหนือ
รายงานข่าวจากกระทรวงคมนาคม กล่าวว่า ที่ผ่านมาประชุมคณะกรรมการพิจารณาแนวทางการเพิ่มขีดความสามารถของอาคารผู้โดยสารท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ(ทสภ.) มีมติให้ดำเนินโครงการก่อสร้างอาคารทั้ง 3 แห่ง วงเงินประมาณ 5.7 หมื่นล้านบาท ประกอบด้วย โครงการพัฒนาส่วนต่อขยายด้านทิศเหนือ (North Expansion) หรือเทอร์มินัล 2 วงเงินประมาณ 4.2 หมื่นล้านบาท และโครงการพัฒนาส่วนต่อขยายอาคารผู้โดยสารแห่งที่ 1 ด้านทิศตะวันตก (West Wings) และตะวันออก (East Wings) วงเงินรวมประมาณ 1.5 หมื่นล้านบาท เพื่อรองรับการเดินทางของผู้โดยสาร เบื้องต้นสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) สั่งให้ทบทวนผลการศึกษาแนวทางการพัฒนาท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ (ทสภ.) ให้ชัดเจน
สำหรับการก่อสร้างส่วนต่อขยายอาคารผู้โดยสารด้านทิศเหนือ (North Expansion) อยู่ระหว่างดำเนินการออกแบบรายละเอียดก่อน หลังจากนั้นจะเปิดประมูลภายในต้นปี 2565 และดำเนินการก่อสร้างในปี 2565 คาดก่อสร้างแล้วเสร็จปี 2567 สามารถรองรับผู้โดยสาร 30 ล้านคนต่อปี ส่วนการก่อสร้างส่วนต่อขยายอาคารผู้โดยสารด้านทิศตะวันตก (West Expansion) จะใช้ระยะเวลาในการออกแบบรายละเอียดราว 10 เดือน คาดเปิดประมูลภายในปลายปี 2565 ทั้งนี้การก่อสร้างทั้ง 2 ส่วน จะดำเนินการภายหลังที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติอนุมัติเห็นชอบ ขณะเดียวกันทอท.จะเร่งดำเนินการก่อสร้างส่วนต่อขยายอาคารผู้โดยสารด้านทิศตะวันออก (East Expansion) ทันที เพราะที่ผ่านมาเป็นมติที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เห็นชอบ ซึ่งปัจจุบันอยู่ระหว่างดำเนินการปรับราคาเพื่อไม่ให้เกินกรอบราคากลางที่ครม.อนุมัติและปรับแบบการก่อสร้างฯ
ถึงแม้ว่าสภาพัฒน์จะคัดค้านการก่อสร้างเทอร์มินัล 2 ถึง 2 ครั้ง แต่ก็ยังสั่งให้ทบทวนโครงการดังกล่าวให้รอบคอบและชัดเจน ทั้งนี้คงต้องจับตาดูว่าทอท.จะสามารถก่อสร้างโครงการได้ตามเป้าหมายที่วางไว้หรือไม่ หากสามารถดำเนินการได้จะช่วยให้ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิมีศักยภาพสามารถรับนักท่องเที่ยวที่เพิ่มขึ้นในอนาคต
หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจหน้า7
ข่าวที่เกี่ยวข้อง