วันที่ 21 พ.ค. ที่ศาลาว่าการกรุงเทพมหานคร (เสาชิงช้า) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า คณะกรรมการโรคติดต่อกรุงเทพมหานคร(กทม.) ได้ประชุมครั้งที่ 13/2564 โดยมี พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง ผู้ว่าฯ กทม. เป็นประธาน
โดยในที่ประชุมรับทราบสถานการณ์การแพร่ระบาดโรคโควิดภายในแคมป์คนงานก่อสร้าง เขตหลักสี่ ซึ่ง กทม.ได้เข้าดำเนินการ Swab ครบทั้งหมดแล้ว จำนวน 1,667 คน ผลพบผู้ติดเชื้อจำนวน 1,107 คน คิดเป็นร้อยละ 66.41
ที่ประชุมจึงเห็นชอบให้สำนักการแพทย์ดำเนินการมาตรการที่กำหนดคือการควบคุมพื้นที่ในลักษณะเดียวกับCommunity Isolation โดยไม่ให้มีการเคลื่อนย้ายของแรงงาน รวมทั้งมีการดูแลสุขอนามัยของผู้ที่อยู่ในแคมป์ มีการส่งมอบอาหารปรุงสุกและอาหารแห้ง และการจัดให้มีทีมแพทย์ดูแลรักษาเบื้องต้นแก่ผู้ติดเชื้ออยู่ภายใน แต่หากมีผู้มีอาการป่วยจะนำส่งโรงพยาบาลต่อไป
นอกจากนี้ที่ประชุมคณะกรรมการโรคติดต่อ ยังเห็นชอบแนวทางการดูแลแคมป์คนงานก่อสร้าง แบ่งเป็น 2 ลักษณะ ดังนี้
1.แคมป์คนงานก่อสร้างที่อยู่ในพื้นที่เดียวกับสถานที่ก่อสร้าง หากพบผู้ติดเชื้อให้ดำเนินการควบคุมพื้นที่เช่นเดียวกับแคมป์คนงานเขตหลักสี่โดยผู้ที่อยู่ภายในยังสามารถทำงานได้ตามปกติ
และ 2.แคมป์คนงานก่อสร้างที่ไม่ได้อยู่พื้นที่เดียวกับสถานที่ก่อสร้าง ให้กักตัวผู้ที่ติดเชื้อในพื้นที่แคมป์ซึ่งเจ้าของต้องจัดให้เหมาะสม ภายใต้การดูแลของสำนักงานเขตและสำนักอนามัย ส่วนผู้ที่ไม่ติดเชื้อที่ต้องเดินทางไปทำงานจะต้องแจ้งเส้นทางการเดินทางต่อเขตต้นทางและปลายทาง โดยจะต้องไม่จอดหรือหยุดพักระหว่างทาง และปฏิบัติตามมาตรการอื่นๆ ที่กำหนดอย่างเคร่งครัด
ขณะเดียวกัน ในวันนี้ กทม.ได้จัดประชุมชี้แจงแนวทางป้องกันและควบคุมการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ในแคมป์คนงานก่อสร้างให้แก่ผู้ประกอบการแคมป์คนงาน จำนวน 409 แห่ง ทั่วพื้นที่กรุงเทพฯ ได้รับทราบและเข้าใจเป็นแนวทางเดียวกัน ประกอบด้วย มาตรการคัดกรอง มาตรการควบคุมการเคลื่อนย้ายแรงงานระหว่างพื้นที่เขตในกรุงเทพฯ ซึ่งจะเริ่มดำเนินการตั้งแต่วันที่ 23 พ.ค.เป็นต้นไป
และมาตรการที่เกี่ยวข้องอื่นๆ โดยสำนักอนามัยและสำนักงานเขตพื้นที่ลงพื้นที่ตรวจสอบในแคมป์คนงานที่อยู่ในพื้นที่อย่างเข้มงวดต่อไป รวมทั้งสำนักงานประกันสังคม กระทรวงแรงงานจะได้สนับสนุนการตรวจคัดกรองคนงานก่อสร้างในแคมป์คนงานจำนวน 30,000 คน ซึ่งไม่รวมกับที่ กทม.ดำเนินการอยู่ หากพบผู้ติดเชื้อสำนักงานประกันสังคมจะนำสู่ระบบการรักษาต่อไป
ที่ประชุมมอบหมายให้สำนักการแพทย์ติดตาม รวบรวม และประเมินผลการดำเนินงานการดูแลสถานการณ์การแพร่ระบาดในแคมป์คนงานก่อสร้างทั้งหมด เพื่อนำแนวทางมาใช้ในการดูแลพื้นที่ระบาดในพื้นที่กรุงเทพมหานครอื่นๆ ต่อไป
จากนั้น ที่ประชุมคณะกรรมการโรคติดต่อ กทม.ได้รับทราบสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิดในตลาดบางกะปิ โดยมีการแพร่กระจายของโรคในตลาด 5 แห่ง ได้แก่ ตลาดสดลาดพร้าว ซ.123 ตลาดสดลาดพร้าว 123 ตลาดสดบางกะปิ ตลาดคุณอาภาภรณ์ และตลาดบางกะปิ ซึ่งขณะนี้ได้มีคำสั่งปิดตลาดทั้ง 5 แห่ง จนถึงวันที่ 22 พ.ค.นี้ เพื่อให้การดำเนินการควบคุมโรคเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ
โดยที่ประชุมคณะกรรมการโรคติดต่อ กทม.เห็นชอบให้ขยายเวลาปิดตลาดออกไปอีก 14 วัน เพื่อให้สำนักอนามัยและเขตพื้นที่เข้าไปให้คำแนะนำและตรวจสอบให้เจ้าของตลาดปรับปรุงลักษณะทางกายภาพของตลาดให้ถูกต้อง เป็นไปตามมาตรฐานที่กำหนด รวมทั้งจัดทำบัญชีผู้ค้า แผงค้า ลูกจ้างให้ครบถ้วน
อย่างไรก็ตาม ขณะนี้พบว่ามีผู้ติดเชื้อในตลาดพื้นที่อื่นๆ เพิ่มขึ้น ที่ประชุมจึงเห็นชอบแนวทางการปิดตลาด 14 วัน หากพบว่ามีผู้ติดเชื้อร้อยละ 5 ของจำนวนแผงค้าและลูกจ้างที่อยู่ในตลาดทั้งหมด หรือมีผู้ติดเชื้อตั้งแต่ 10 คนขึ้นไป โดยให้เจ้าของตลาดทำความสะอาดพร้อมปรับปรุงกายภาพของตลาดให้มีมาตรฐานตามที่ กทม.กำหนด
นอกจากนี้ คณะกรรมการโรคติดต่อ กทม.เห็นชอบให้สำนักอนามัย จัดทีมลงพื้นที่เสี่ยงเพื่อตรวจค้นหาผู้ป่วยเชิงรุกหาผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ด้วยการ Swab อย่างเข้มข้นและต่อเนื่องจนถึงวันที่ 30 ก.ย.นี้ เนื่องจากสถานการณ์การแพร่ระบาดโรคโควิดที่แพร่กระจายเป็นวงกว้าง โดยกำหนดลงพื้นที่ ดังนี้
กลุ่มเขตกรุงเทพเหนือ : ที่ศูนย์ราชการแจ้งวัฒนะ เขตหลักสี่
กลุ่มเขตกรุงเทพตะวันออก : ที่สนามกีฬาเฉลิมพระเกียรติ 70 พรรษามีนบุรี เขตมีนบุรี
กลุ่มเขตกรุงเทพกลาง : ที่ลานกีฬาพัฒน์ 2 เขตราชเทวี
กลุ่มเขตกรุงเทพใต้ : ที่วัดด่าน เขตยานนาวา
กลุ่มเขตกรุงธนเหนือ : ที่สวนหลวงสะพานพระราม 8 เขตบางพลัดและสวนป่าเฉลิมพระเกียรติสะพานตากสิน เขตคลองสาน
กลุ่มเขตกรุงธนใต้ : ที่ตลาดบางแคภิรมย์