ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากFacebookของนายธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ได้โพสจดหมายเปิดผนึกถึงหัวหน้าฝ่ายค้านว่า
จดหมายเปิดผนึกถึงหัวหน้าพรรคฝ่ายค้าน
วันที่ ๒๖ พฤษภาคม ๒๕๖๔
เรื่อง ขอให้ตรวจสอบการใช้จ่ายเงินตามพระราชกำหนดฯ ที่อาจผิดกฎหมาย
เรียน นายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ หัวพน้าพรรคเพื่อไทย
ตามที่รัฐบาลได้ออกพระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจและสังคมจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ เพิ่มเติม พ.ศ. ๒๕๖๔ และก่อนหน้านี้ ได้ออกพระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อแก้ไขปัญหา เยียวยา และฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคมที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ พ.ศ. ๒๕๖๓ นั้น ข้าพเจ้ามีความเห็นว่าการใช้จ่ายเงินตามพระราชกำหนดทั้งสองฉบับดังกล่าวอาจจะฝ่าฝืนกฎหมาย จึงขอเรียนเสนอแนะเพื่อให้ท่านทำการตรวจสอบ มีรายละเอียดดังต่อไปนี้
พระราชกำหนดมีบทบัญญัติในเรื่องการใช้จ่ายไว้ด้วยพระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อแก้ไขปัญหา เยียวยา และฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคมที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ พ.ศ. ๒๕๖๓ มีบทบัญญัติในเรื่องการใช้จ่ายไว้ด้วย โดยมาตรา ๗ ให้มีคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้ และมาตรา ๘ บัญญัติให้คณะกรรมการฯ มีหน้าที่ (๑) พิจารณากลั่นกรองแผนงานหรือโครงการให้เป็นไปตามแผนงานหรือโครงการใช้จ่ายเงินกู้ตามพระราชกำหนดนี้ ก่อนเสนอคณะรัฐมนตรีอนุมัติ (๒) กำกับดูแลการดำเนินงานตามแผนงานหรือโครงการที่ใช้เงินกู้ตามพระราชกำหนดนี้ และรายงานความก้าวหน้าต่อคณะรัฐมนตรีอย่างน้อยทุกสามเดือน (๓) .. (๔) .. (๕) .. (๖) เสนอแนะต่อคณะรัฐมนตรีเพื่อวางระเบียบเกี่ยวกับการดำเนินการตามแผนงานหรือโครงการที่ใช้เงินกู้ตามพระราชกำหนดนี้ ระเบียบดังกล่าวเมื่อคณะรัฐมนตรีเห็นชอบแล้วให้ใช้บังคับได้ (๗) ปฏิบัติการอื่นตามที่คณะรัฐมนตรีหรือนายกรัฐมนตรีมอบหมาย
ส่วนพระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจและสังคมจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ เพิ่มเติม พ.ศ. ๒๕๖๔ มาตรา ๗ ให้คณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้ตามพระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อแก้ไขปัญหา เยียวยา และฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคม ที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ พ.ศ. ๒๕๖๓ มีหน้าที่อำนาจในการพิจารณากลั่นกรองเพื่อเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณา และให้นำความในมาตรา ๘ แห่งพระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อแก้ไขปัญหา เยียวยา และฟื้นฟูเศรษฐกิจ และสังคม ที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ พ.ศ. ๒๕๖๓ มาใช้บังคับด้วยโดยอนุโลม
บทบัญญัติในเรื่องการใช้จ่ายในพระราชกำหนดเป็นการฝ่าฝืนกฎหมายในพระราชกำหนดทั้งสองฉบับ มาตรา ๔ บัญญัติให้การกู้เงินตามพระราชกำหนดฯ เป็นการกู้เงินตามมาตรา ๕๓ แห่งพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. ๒๕๖๑ ซึ่งมาตรา ๕๓ วรรคสอง บัญญัติว่า “กฎหมายที่ตราขึ้นตามวรรคหนึ่งต้องระบุวัตถุประสงค์ของการกู้เงิน ระยะเวลาในการกู้เงิน แผนงานหรือโครงการที่ใช้จ่ายเงินกู้ วงเงินที่อนุญาตให้ใช้จ่ายเงินกู้ และหน่วยงานของรัฐซึ่งเป็นผู้รับผิดชอบการดําเนินแผนงานหรือโครงการที่ใช้จ่ายเงินกู้นั้น” ซึ่งพระราชกำหนดทั้งสองฉบับก็มีการระบุเช่นนั้น แต่ได้เพิ่มข้อบัญญัติเกี่ยวกับการใช้จ่ายไว้ด้วย ดังที่บรรยายไว้แล้ว
ข้าพเจ้าขอเรียนว่า มาตรา ๕๓ แห่งพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. ๒๕๖๑ มิได้อนุญาตให้มีการบัญญัติเกี่ยวกับการใช้จ่ายใดๆ ไว้ในการตรากฎหมาย จึงเป็นการดำเนินการที่เกินอำนาจ และการใช้จ่ายเงินตามเงื่อนไขในพระราชกำหนดฯ จึงอาจเข้าข่ายเป็นการผิดกฎหมาย
ข้าพเจ้าจึงขอเสนอแนะให้ท่านในฐานะหัวหน้าพรรคฝ่ายค้านทำการตรวจสอบอย่างเร่งด่วน
จึงเรียนมาเพื่อโปรดพิจารณา
ขอแสดงความนับถือ
(นายธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล)
อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง
สำเนาเรียน
นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล
พลตำรวจเอก เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย
นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา หัวหน้าพรรคประชาชาติ
นายสุภดิช อากาศฤกษ์ รักษาการณ์หัวหน้าพรรคเศรษฐกิจใหม่
นางบุศริณธญ์ วรพัฒนานันน์ หัวหน้าพรรคเพื่อชาติ
นายนิคม บุญวิเศษ หัวหน้าพลังปวงชนชาวไทย
ที่มา
https://web.facebook.com/100044618165480/posts/337835064380430/?_rdc=1&_rdr