ภายหลังจากบริษัทระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือบีทีเอสซี ผู้ให้บริการเดินรถไฟฟ้าBTS สายสีเขียว มีหนังสือแจ้งให้บริษัทกรุงเทพธนาคมจำกัดและกรุงเทพมหานคร(กทม.)ชำระหนี้การให้บริการเดินรถและซ่อมบำรุงโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียวส่วนต่อขยายที่ 1 ช่วงสะพานตากสิน-บางหว้า ช่วงอ่อนนุช-แบริ่ง และส่วนต่อขยายที่ 2 ช่วงหมอชิต-สะพานใหม่-คูคต และช่วงแบริ่ง-สมุทรปราการ ประมาณ 3 หมื่นล้านบาท ผลการเจรจาร่วมกันล่าสุด ออกมาเป็นที่น่าพอใจโดยเฉพราะเป้าหมายการเริ่มเก็บค่าโดยสารของกทม.นอกเหนือจากการเสนอขอขยายสัมปทานรถไฟฟ้าให้เอกชน เพื่อแก้ปมปัญหาหนี้
ทั้งนี้ นายสุรยุทธ ทวีกุลวัฒน์ ผู้อำนวยการใหญ่สายการเงิน บริษัท บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) หรือ BTS เปิดเผยว่าว่า บริษัทมั่นใจว่า กทม. มีความสามารถในการชำระคืนหนี้ 30,000 ล้านบาทคืนให้กับบริษัท เนื่องจากเป็นหน่วยงานรัฐที่มีฐานะการเงินแข็งแกร่ง สะท้อนจากอันดับเครดิตจากทริสเรทติ้งที่ AA+ สูงกว่าอันดับเครดิตของ BTS ที่ระดับ A และให้ความเชื่อมั่นแก่ลงทุนว่าบริษัทไม่จำเป็นต้องตั้งสำรองหนี้เพื่อกรณีดังกล่าว อย่างไรก็ตาม คาดว่าจะมีการนำเรื่องเข้า ภาระหนี้เข้าสู่การพิจารณาของ คณะรัฐมนตรี(ครม.) โดยผ่านกระทรวงมหาดไทย โดยกระบวนการในการชำระ ขึ้นอยู่กับอำนาจของัฐบาล ขณะความคืบหน้าการต่อสัมปทานรถไฟฟ้าสายสีเขียว ปัจจุบันอยู่ระหว่างรอเข้า ครม.เพื่อพิจารณาเช่นกัน ซึ่งเป็นขั้นตอนสุดท้ายแล้ว
สำหรับรายได้ของบริษัท นายสุรยุทธ ระบุว่า จากการคาดการณ์ยอดขนส่งผู้โดยสารรถไฟฟ้าปี 2564/65 (1 เม.ย.2564-31 มี.ค.2565) เติบโต 10% มาอยู่ที่ 138 ล้านเที่ยวคนต่อปี จากปี 2563/64 (1 เม.ย.2563-31 มี.ค.2564) อยู่ที่ 125 ล้านเที่ยวคนต่อปี จากการทยอยฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 เป็นปัจจัยหนุนให้ประชาชนกลับมาเดินทางตามปกติอีกทั้งได้ปัจจัยบวกจากการเปิดเดินรถไฟฟ้าสายสีเขียวเหนือ ซึ่งคาดว่าจะมีผู้โดยสารเข้ามาใช้บริการ 5 หมื่นเที่ยวคนต่อวัน และการเปิดให้บริการสถานีเซนต์หลุยส์ คาดว่าจะมีผู้โดยสารเข้ามาใช้บริการ 6,000เที่ยวคนต่อวัน
ในการนี้บริษัทได้ปรับโครงสร้างธุรกิจใหม่ออกเป็น 3 ส่วน ได้แก่ ธุรกิจขนส่ง (MOVE) ธุรกิจสื่อและวิเคราะห์ข้อมูล (MIX) และธุรกิจลงทุนร่วมกับพันธมิตร (MATCH) โดยธุรกิจ MOVE วางงบลงทุนปี 2564/65 ไว้ที่ 1.54 หมื่นล้านบาท พร้อมคาดการณ์รายได้ที่ 24,000ล้านบาท แบ่งเป็นรายได้จากการก่อสร้างโครงการรถไฟฟ้าสายสีชมพูและสายสีเหลือง14,000ล้านบาท,รายได้จากการให้บริการติดตั้งงานระบบและจัดหารถไฟฟ้า (E&M) โครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียวส่วนต่อขยายเหนือและใต้ 1,000ล้านบาท, รายได้จากการรับจ้างเดินรถและซ่อมบำรุง (O&M) 6,300ล้านบาท และรายได้ดอกเบี้ยรับจากโครงการรถไฟฟ้า3,300ล้านบาท ส่วนธุรกิจ MIX วางงบลงทุน 450 ล้านบาท คาดการณ์รายได้ที่ 3,500-4,000 ล้านบาท โดยมาจากการรับรู้รายได้ของบริษัทในเครือ บมจ.วีจีไอ (VGI)เป็นต้น