จากรณีที่ที่สำนักงานประกันสังคม ประกาศเลื่อนการให้บริการฉีดวัคซีนโควิด ให้กับผู้ประกันตนมาตรา 33 ในพื้นที่กรุงเทพมหานคร 45 จุดออกไปเป็นวันที่ 28 มิถุนายนนี้ก่อนหน้านี้
ล่าสุดสำนักงานประกันสังคม เผยได้ปรับปรุงระบบการให้บริการฉีดวัคซีนโควิด เพื่อให้การฉีดวัคซีนแก่ผู้ประกันมีประสิทธิภาพ ครอบคุลม 12 เขตพื้นที่ทั่วกรุงเทพมหานคร โดยจะเปิดให้บริการแก่ผู้ประกันตนมาตรา 33 ที่นายจ้างได้ลงทะเบียนในระบบ e-Service อีกครั้ง ในวันจันทร์ที่ 14 มิถุนายน 2564
นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน กล่าวว่า กรณีที่สำนักงานประกันสังคมได้ประกาศเลื่อนการให้บริการฉีดวัคซีนโควิด-19 สำหรับผู้ประกันตนมาตรา 33 ในพื้นที่กรุงเทพมหานคร 45 ศูนย์ออกไป ซึ่งในเรื่องนี้รองนายกรัฐมนตรี พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ มีความเป็นห่วงผู้ประกันตนและเข้าใจดีว่า ผู้ประกันตนประสงค์อยากจะฉีดวัคซีนโดยเร็ว จึงได้สั่งการให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานปรับปรุงจุดบกพร่องทั้ง 2 ประการอย่างเร่งด่วน
ทั้งกรณีสถานที่บางแห่งที่ไม่เอื้ออำนวย เนื่องจากไม่มีแอร์ อากาศร้อน จะยกเลิกสถานที่ดังกล่าวโดยจะยุบรวมมาอยู่ในสถานที่ที่มีความพร้อมและมีแอร์คอนดิชั่น
ส่วนกรณีเรื่องข้อมูลของผู้ประกันตนที่ฝ่ายบุคคลของสถานประกอบการส่งมาให้เกิดความสับสนไม่สอดคล้องกับความเป็นจริงจากเหตุผลหลายประการ อาทิ ลงทะเบียนซ้ำซ้อนหลายแห่ง การไปฉีดวัคซีนจากที่อื่นมาก่อนแล้ว ผู้ประกันตนไม่พร้อมมาฉีดตามวัน เวลา ที่กำหนด แต่ฝ่ายบุคคลไม่ได้แจ้งกลับมา หรือกรณีที่ผู้ประกันตนมีสภาพร่างกายที่ไม่พร้อมจะฉีด เป็นต้น
ทั้งนี้ สำนักงานประกันสังคมได้ประสานไปยังสถานประกอบการต่าง ๆ เพื่อเร่งดำเนินการปรับปรุงแก้ไข เพื่อให้ได้ข้อมูลของผู้ประกันตนที่ประสงค์จะฉีดวัคซีนอย่างแท้จริง หากว่าสถานประกอบการใดยังไม่พร้อมก็จะให้รอไปก่อน เราจะดำเนินการฉีดให้สถานประกอบการที่มีความพร้อมไปก่อน โดยจะเริ่มดำเนินการฉีดอีกครั้งในวันจันทร์ที่ 14 มิถุนายนนี้
"ขอย้ำว่าวัคซีนแอสตร้าเซนเนก้า สำหรับผู้ประกันตนไม่ขาด โดยกระทรวงแรงงานจะเร่งดำเนินการเปิดศูนย์ฉีดวัคซีนโควิด-19 สำหรับผู้ประกันตนมาตรา 33 ในพื้นที่กรุงเทพมหานครจะสามารถกลับมาเปิดบริการฉีดได้ใหม่ในวันจันทร์ที่ 14 มิถุนายนที่จะถึงนี้" นายสุชาติ กล่าว
ด้านศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19(ศบค.) ได้โพสต์ข้อความและ infographic ทางเพจ ศูนย์ข้อมูล COVID-19 ระบุว่า แผนกระจายวัคซีน กลุ่มผู้ประกันตน ม.33
กลุ่มที่ 1 : กทม. จำนวน 2,373,615 ราย
กลุ่มที่ 2 : Eastern Seaboard 3 จังหวัด และเพชรบุรี จำนวน 774,086 ราย
กลุ่มที่ 3 : จังหวัดสีแดงเข้ม (3 จังหวัด) จังหวัดปริมณฑล (3 จังหวัด) จำนวน 1,256,112 ราย
กลุ่มที่ 4 : ปูพรมฉีด 66 จังหวัด จำนวน 1,624,684 ราย
ข่าวที่เกี่ยวข้อง