18 มิ.ย. 64 ความคืบหน้า "คนละครึ่งเฟส 3" โครงการเพื่อกระตุ้นการจับจ่ายใช้สอยภายในประเทศ บรรเทาภาระค่าใช้จ่ายให้ประชาชน และช่วยเพิ่มสภาพคล่องให้ร้านค้ารายย่อย เป็นการสนับสนุนเศรษฐกิจฐานรากและฟื้นฟูเศรษฐกิจของประเทศในองค์รวม เริ่มลงทะเบียนเฟส 3 วันที่ 14 มิ.ย. 64 ตั้งแต่เวลา 06.00 น. เป็นต้นไป จนกว่าจะครบ 31 ล้านคน สามารถใช้สิทธิได้ระหว่าง 1 ก.ค. 64 – 31 ธ.ค. 64
เงื่อนไขที่สำคัญคนละครึ่งเฟส 3 กำหนดให้ประชาชนที่ลงทะเบียนสำเร็จ โดยเฉพาะผู้ได้รับสิทธิคนละครึ่งเฟส 3 คนใหม่ ที่ยังไม่เคยใช้งานแอปฯ “เป๋าตัง” จะต้องยืนยันตัวตนด้วยบัตรประจำตัวประชาชน กับธนาคารกรุงไทย เพื่อเปิดใช้งาน G- Wallet ในแอปฯ“เป๋าตัง” ก่อน จึงจะสามารถใช้จ่ายกับร้านค้าที่ติดตั้งแอปพลิเคชัน “ถุงเงิน” ที่เข้าร่วมโครงการได้
วิธียืนยันตัวตน"คนละครึ่งเฟส 3" คลิกที่นี่
มีคำถามตามมาว่าผู้ได้รับสิทธิ์คนละครึ่งเฟส 3 คนใหม่ต้องยืนยันตัวตนเปิดใช้งานแอปฯเป๋าตังภายในวันไหน ต้องทำให้สำเร็จก่อนวันที่ 1 ก.ค. 64 ที่เริ่มเปิดให้ใช้สิทธิหรือไม่ เนื่องจากในเงื่อนไขของโครงการไม่ได้กำหนดไว้ว่าต้องยืนยันตัวตนภายในกี่วันหลังจากได้รับสิทธิ ต่างจากโครงการเฟส 1 และเฟส 2 ที่ต้องยืนยันตัวตนและใช้สิทธิภายใน 14 วัน
กระทรวงการคลังมีคำตอบในประเด็นนี้ โดยนางสาวกุลยา ตันติเตมิท ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง ในฐานะโฆษกกระทรวงการคลังอธิบายข้อสงสัยเรื่องกล่าวกับ “ฐานเศรษฐกิจ” ว่า เนื่องจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 จึงไม่ได้กำหนดว่าให้ใช้จ่ายภายใน 14 วัน เพื่อให้ประชาชนมีระยะเวลา ในการยืนยันตัวตน และ ใช้จ่ายได้ตามความเหมาะสมกับสถานการณ์หรือข้อกำหนดของแต่ละพื้นที่ โดยสามารถใช้จ่ายได้ตั้งแต่ 1 กรกฎาคม – 31 ธันวาคม 2564
นั่นหมายความว่าผู้ได้รับสิทธิคนละครึ่งเฟส 3 คนใหม่ สามารถยืนยันตัวตนได้ตลอดระยะเวลาโครงการ ไม่จำเป็นต้องยืนยันตัวตนให้สำเร็จและใช้จ่ายภายใน 14 วัน เหมือนโครงการในเฟส 1 และเฟส 2
เงื่อนไขการใช้สิทธิเงินคนละครึ่งเฟส 3 รัฐจะสนับสนุนวงเงินร่วมจ่ายแก่ประชาชนในการซื้ออาหาร เครื่องดื่ม สินค้าทั่วไป และบริการ กับผู้ประกอบการที่เข้าร่วมโครงการฯ เป็นจำนวนร้อยละ 50 ของราคาสินค้าและ/หรือบริการดังกล่าว โดยรัฐจะชำระเงินให้แก่ผู้ประกอบการโดยตรง ภายใต้เงื่อนไขดังต่อไปนี้
1. ประชาชนต้องชำระเงินค่าสินค้าและ/หรือบริการผ่านระบบชำระเงินอิเล็กทรอนิกส์โดยภาครัฐ (g- Wallet) บนแอปพลิเคชัน “เป๋าตัง” ให้แก่ผู้ประกอบการที่เข้าร่วมโครงการฯ ซึ่งรับชำระเงินผ่านแอปพลิเคชัน “ถุงเงิน”
2. ต้องมีการซื้อ-ขายสินค้าและ/หรือบริการกันจริง
3. การซื้อ-ขายสินค้าและ/หรือบริการ ผู้ซื้อและผู้ขายจะต้องมีการทำธุรกรรมซื้อขายและสแกน QR Code เพื่อชำระค่าสินค้าและ/หรือบริการกันแบบพบหน้า (face-to-face) และไม่มีกระบวนการใด ๆ ในการซื้อขายที่ดำเนินการผ่านช่องทางออนไลน์ หรือผ่านคนกลาง ไม่ว่าด้วยวิธีการใด และไม่ให้ทำซ้ำ ส่งต่อ หรือวิธีการอื่นใดกับ QR Code ในแอปพลิเคชัน “ถุงเงิน” เพื่อหลีกเลี่ยงการทำธุรกรรมแบบพบหน้าดังกล่าว
4. จำนวนเงินที่รัฐสนับสนุนวงเงินร่วมจ่ายให้ต่อหนึ่งหมายเลขประจำตัวประชาชนจะไม่เกินกว่า 150 บาทต่อวัน โดยไม่เกิน 1,500 บาทต่อคน ในแต่ละรอบ รอบละ 3 เดือน และไม่เกิน 3,000 บาทต่อคน ตลอดระยะเวลาโครงการฯ ทั้งนี้ สามารถสะสมมูลค่าคงเหลือ ณ สิ้นเดือนสุดท้ายของช่วงสามเดือนแรกไปใช้ต่อ จนถึงสิ้นเดือนธันวาคม 2564 ได้ โดยสามารถตรวจสอบระยะเวลาการใช้จ่ายตามที่กระทรวงการคลังกำหนดได้ที่ www.คนละครึ่ง.com
5. ค่าสินค้าและ/หรือบริการที่ใช้จ่ายไม่ได้
6. การกำหนดเพิ่มเติมหรือเปลี่ยนแปลงสินค้าและ/หรือบริการของโครงการฯ ให้เป็นไปตามที่กระทรวงการคลังกำหนดสามารถตรวจสอบรายการประเภทสินค้าและบริการได้ที่ www.คนละครึ่ง.com
7. แอปพลิเคชัน “เป๋าตัง” และแอปพลิเคชัน “ถุงเงิน” จะสามารถใช้งานได้ระหว่างเวลา 06.00 – 23.00 น. ของทุกวัน
ที่มา: www.คนละครึ่ง.com,สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง,กระทรวงการคลัง