นายเจริญ เหล่าธรรมทัศน์ นายกสมาคมผู้ส่งออกข้าวไทย กล่าวถึง สถานการณ์การส่งออกข้าวไทยปี 2562 ว่า ไทยส่งออกข้าวลดลง 32% หรือมีปริมาณ 7.58 ล้านตัน ถือว่าต่ำสุดในรอบ 6 ปีนับตั้งแต่ปี 2556 ส่วน ด้านมูลค่าที่ 130,543 ล้านบาท ลดลง 28% จากปี 2561 ส่งออกได้ 11.23 ล้านตัน โดยอินเดียยังครองเบอร์ 1 ส่งออกข้าวไปทั่วโลกในปี 2562 ที่ 9.77ล้านตัน ซึ่งปริมาณลดลง15.9% จากเดิมอินเดียส่งออกข้าวปี 2561 ที่ 11.61ล้านตัน เช่นเดียวกับคู่แข่งอย่างเวียดนามส่งออกข้าวได้ลดลงเช่นกัน โดยปริมาณส่งออกปี 2562 อยู่ที่ 6.37 ล้านตันหรือลดลง 8.9% ขณะปากีสถานส่งออกข้าวได้เพิ่มขึ้น 23% โดยมีปริมาณนส่งออก 4.04 ล้านตัน(จากปี 2561 ส่งออกได้ 3.26 ล้านตัน)เช่นเดียวกับจีนที่ผันตัวมาเป็นผู้ส่งออกข้าวในปี 2562 ส่งออกข้าวได้ 2.75 ล้านตัน เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 31% (ปี 2561 ส่งออกได้ 2.09 ล้านตัน) ทั้งนี้เนื่องจากจีนมีสต๊อกข้าวอยู่จำนวนมาก
สำหรับคาดการณ์ส่งออกข้าวไทยปี 2563 สมาคมฯตั้งเป้าที่ 7.5 ล้านตัน มูลค่า 130,000 ล้านบาท หรือ 4,200 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ แบ่งเป็น ข้าวขาว 3.2 ล้านตัน ข้าวหอมมะลิ 1.4 ล้านตัน ข้าวหอมไทย 0.6 ล้านตัน ข้าวเหนียว 0.1 ล้านตัน และข้าวนึ่ง 2.2 ล้านตัน
สำหรับปัจจัยที่มีผลต่อการส่งออกข้าวไทยในปีนี้นั้น นายชูเกียรติ โอภาสวงศ์ นายกกิตติมศักดิ์สมาคมผู้ส่งออกข้าวไทย กล่าวว่า ปีนี้ยังคงมีปัจจัยลบมากกว่าปัจจัยบวก โดยเฉพาะในเรื่องของค่าเงินบาทที่ยังคงแข็งค่าในระดับแข็งค่ากว่าคู่แข่ง ส่งผลให้ราคาข้าวไทยยังสูงกว่าราคาข้าว(ข้าวขาว 5%) ของเวียดนามถึง 80 ดอลลาร์สหรัฐฯต่อตัน ทำให้ไทยไม่สามารถแข่งขันด้านราคากับประเทศคู่แข่งที่สำคัญได้ ปัญหาภัยแล้งซึ่งคาดว่าปีนี้น่าจะรุนแรงส่งผลให้ปริมาณผลผลิตในประเทศลดลง จะส่งผลให้ราคาข้าวภายในประเทศปรับตังสูงขึ้น ยิ่งทำให้การแข่งขันด้านราคาลำบากมากขึ้นด้วย ที่สำคัญคู่แข่งอย่างเวียดนาม มีการพัฒนาสายพันธุ์ข้าวอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะกลุ่มข้าวหอมมะลิ และข้าวขาวพื้นนิ่มและมีต้นทุนการผลิตที่ต่ำกว่าของไทย ทำให้การเสนอราคาขายได้ในระดับราคาที่ต่ำกว่าของไทย จะทำไทยสูญเสียส่วนแบ่งตลาดในประเทศที่เป็นตลาดนำเข้าที่สำคัญ ไม่ว่าจะเป็นจีน ฮ่องกง ฟิลิปปินส์ มาเลเซีย หากไทยยังไม่เร่งพัฒนาสายพันธุ์ข้าวใหม่ ๆ เพื่อแข่งขัน อาจทำให้ไทยเสียตำแหน่งผู้ส่งออกข้าวอันดับ 2 ของโลกไปให้กับเวียดนามใน1-2 ปีนี้ได้
"ส่วนปัจจัยบวกยังพอมีให้เห็นบ้าง เช่น อินโดนีเซียมีแนวโน้มที่จะนำเข้าข้าวประมาณ 1 ล้านตันในปีนี้ซึ่งเพิ่มขึ้นจากปีที่ผ่านมาประมาณ 3 แสนตัน รวมถึงอานิสงส์จากผลกระทบไวรัสโคโรนาที่ทำให้ผู้บริโภคมีการซื้ออาหารกักตุนมากขึ้น ทำให้มีความต้องการนำเข้าข้าวมากขึ้นในบ้างประเทศเช่น จีน ฮ่องกง สิงคโปร์ แต่จะเป็นเพียงระยะสั้นเท่านั้น"