จากการที่รัฐบาลได้มีแคมเปญ “อยู่บ้าน หยุดเชื้อ” รณรงค์ให้ประชาชนอยู่กับบ้าน เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 และติดแฮชแท็ก เราทำได้ และควรทำทันที เพื่อเรา เพื่อชาติ ซึ่งจากกระแสสร้างความตื่นตระหนกให้กับประชาชนจนทำให้เกิดการกักตุนสินค้าจำนวนมาก โดยเฉพาะน้ำดื่ม บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป รวมทั้งไข่ไก่ด้วย จึงทำให้ราคาพุ่งพรวดขึ้นมาทันทีเพียงชั่วข้ามวัน
“ราคาไข่ไก่” ที่แพง หลายฝ่ายทั้งผู้บริโภค เกษตรกร ล้ง (ผู้รวบรวมไข่ไก่) ต่างก็คิดว่าผู้นำเข้าพ่อแม่พันธุ์ฟันกำไรอื้อเข้ากระเป๋าจริงหรือไม่
นายธนาวุฑ เอื้อละพันธ์ รองประธานบริษัท แสงทอง สหฟาร์ม และบริษัท อัครากรุ๊ป ซึ่งเป็น 1 ใน 16 บริษัทนำเข้าพ่อแม่พันธุ์ไก่ไข่ เผยกับ “ฐานเศรษฐกิจ” ถึงต้นทุนการผลิตแม่ไก่ 1 ตัว ถัวเฉลี่ยประมาณ 20 บาทต่อตัว แต่ถ้าเป็นฟาร์มใหม่ต้นทุนเพิ่มไปถึง 25-26 บาทต่อตัว ขึ้นอยู่กับการดูแลจัดการฟาร์ม ปีนี้เป็นปีแรกในรอบ 5 ปี ที่ราคาแตะไปที่ตัวละกว่า 20 บาท ซึ่งก่อนหน้านี้ราคาขายตัวละ 5-15 บาท เพราะราคาไข่ไก่ตกต่ำ
ทั้งนี้จากราคาไข่ไก่ตกต่ำทางคณะกรรมการนโยบายพัฒนาไก่ไข่และผลิตภัณฑ์(เอ้กบอร์ด)มีมติขอความร่วมมือให้ผู้นำเข้าปรับลดแผนนำเข้าพ่อแม่พันธุ์ไก่ไข่ทำให้เกิดผลกระทบ ยกตัวอย่างเช่น สร้างฟาร์มไว้สำหรับ 1 แสนตัว และปรับลดการเลี้ยงเหลือ 7 หมื่นตัว ทำให้การเลี้ยงไก่ไม่เต็มเล้า อย่างไรก็ดีบริษัทให้ความร่วมมือเพื่อให้ราคาไข่ไก่ในประเทศดีขึ้น แต่พอราคาไข่ไก่ดี กลับกลายเป็นโดนกล่าวหาว่ามีแต้มต่อเป็นผู้ทำกำไรจากการที่มีพ่อแม่พันธุ์อยู่ในมือทั้งที่ก่อนหน้านั้นในช่วงที่ราคาไข่ไก่ตกต่ำก็ตกเป็นจำเลยสังคมที่นำพ่อแม่พันธุ์เข้ามาเลี้ยงจนโอเวอร์ซัพพลาย
“การผลิตพ่อแม่พันธุ์ต้นทุนค่อนข้างสูงมากจะต้องสร้างโรงเรือน ค่าไฟฟ้า ค่าแรงงาน ฯลฯ จากนั้นไปขออนุญาตกรมปศุสัตว์เพื่อจะขอนำเข้า เมื่อได้รับอนุญาต ก็จะซื้อลูกไก่อายุ 1 วัน โหลดไว้ท้องเครื่องบิน เฉลี่ยต้นทุน 200 บาทต่อ1 ตัว นำมาเลี้ยงมีทั้งต้นทุนอาหารกว่าไก่จะมีอายุจนให้ผลผลิตได้ใช้เวลาเลี้ยงประมาณ 18-20 สัปดาห์ เพื่อที่จะมาเป็นลูกไก่เพื่อขาย (อินโฟกราฟฟิกประกอบ) ต้นทุน 19-20 บาทต่อตัว เพื่อจะขายให้กับลูกค้าเจ้าประจำทั้งสหกรณ์ และเกษตรกรรายย่อยเพื่อนำไปเลี้ยงต่ออีก 18-20 สัปดาห์ เลี้ยงไว้เป็นไก่สาวและให้ไข่ทุกวันไปจนถึงปลดประมาณ 80 สัปดาห์ นี่เป็นวัฏจักรของระบบไข่ไก่อุตสาหกรรมในประเทศไทย”
ด้านนายสัตวแพทย์สมชวน รัตนมังคลานนท์ รองอธิบดีกรมปศุสัตว์ หรือมิสเตอร์ไก่ไข่ กล่าวว่า จากมติของเอ้กบอร์ด ได้สรุปว่า พ่อแม่พันธุ์ไก่ไข่ (P.S.) 1 ตัว ให้ลูกไก่ไข่ จำนวน 106 ตัว และแม่ไก่ยืนกรง 1 ตัวให้ประสิทธิภาพการผลิตไข่ 361 ฟองต่อปี กำหนดปลดอายุที่ 80 สัปดาห์ แต่ในขณะนี้ออกนโยบายยืดอายุปลดไป เพราะจากที่ประชาชนมีความต้องการมากขึ้นจึงเป็นการเพิ่มปริมาณไข่ไก่ที่ขาดว่าจะต้องได้ไม่ต่ำกว่าอีก 2 ล้านฟองต่อวัน โดยเดิมผลิตได้ 41 ล้านฟองต่อวัน ซึ่งเมื่อนำมารวมกันแล้วจะมีปริมาณ 43 ล้านฟองต่อวัน จากปกติแล้วโดยเฉลี่ยคนไทยบริโภคไข่ไก่วันละ 39 ล้านฟอง ซึ่งคาดว่าหลังจากนี้น่าจะมีเพียงพอต่อความต้องการของประชาชน เนื่องจากไข่ไก่ออกทุกวัน ทั้งนี้ยังไม่นับแผนที่บริษัทจะถึงคิวการเลี้ยงเพิ่มด้วย เชื่อว่าสถานการณ์จะคลี่คลายในเร็ว ๆ นี้
“จากการที่เกิดสภาวะไข่ไก่ราคาแพง เนื่องจากสภาวะปัญหาโรคโควิด19 ทำให้เกิดการกักตุนสินค้าประเภทไข่ไก่ของผู้บริโภค รวมถึงการค้ากำไรเกินควรของพ่อค้าขายไข่คนกลาง ทางอธิบดีจึงได้มีนโยบายสั่งการให้สารวัตรกรมปศุสัตว์ทั่วประเทศทำการตรวจสอบศูนย์รวบรวมไข่ไก่ทั่วประเทศเพื่อตรวจสอบความเพียงพอของสินค้ารวมถึงราคาขายปลีกให้กับผู้บริโภค ดังนั้นจึงขอให้ประชาชนที่ต้องการซื้อไข่เพื่อการบริโภคให้รับรู้ถึงข้อมูลทางด้านปริมาณไข่ไก่ในประเทศรวมถึงราคาไข่ไก่จากศูนย์รวบรวมไข่ไก่ หากพบว่าพ่อค้าแม่ค้าที่นำไข่ไก่มาจำหน่ายในราคาที่สูงผิดปกติ ให้แจ้งเจ้าหน้าที่ทั้งกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ หรือกระทรวงพาณิชย์ เพื่อทำการดำเนินคดีกับผู้ค้าไข่ไก่ได้ทันที”
ด้านนายสัตวแพทย์สมชวน กล่าวอีกว่า ต้นทุนการผลิตไก่ไข่อายุ 18-80 สัปดาห์นั้น มาจากสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร (สศก.) มีการคิดคำนวณต้นทุนผันแปร และต้นทุนคงที่ บวกค่าแรงงาน ค่าพันธุ์สัตว์ ค่าอาหาร ค่าวัคซีนและยาป้องกันโรค และอื่นๆ (อินโฟกราฟฟิกประกอบ) ต้นทุนเกษตรกร ณ เดือนกุมภาพันธ์ อยู่ที่ 2.68 บาทต่อฟอง ราคาสมาคมค้าไข่ไก่ฯ ประกาศรับซื้อ 2.60 บาทขณะที่เกษตรกรขายได้ขาดทุนโดยราคาอยู่ที่ 2.45 บาทต่อฟอง ล่าสุดไม่กี่วันก็เพิ่งปรับราคารับซื้อไข่ไก่คละหน้าฟาร์มอยู่ที่ 2.80 บาทต่อฟอง
“ต้องยอมรับการบริหารจัดแผนสมดุลไข่ไก่ ถือว่าประสบความสำเร็จในรอบ 2-3 ปี ถึงแม้ว่าจะมีสวิงขึ้นลงบ้างแต่ไม่มาก ถึงแม้จะมีเหตุการณ์นี้ก็แก้ไขไม่ยาก ใช้วิธียืดการปลดอายุไก่ แต่ถ้าเป็นไข่ไก่ล้น จะแก้ยากและใช้เวลานานมากว่าด้วย”
ขณะที่นายสุธาศิน อมฤก นายกสมาคมการค้าผู้ค้าไข่ไทย และประธานกลุ่มผู้ค้าไข่ไทย กล่าวว่า การที่มีคนในสังคมกล่าวหาว่าเป็นล้ง/พ่อค้าคนกลาง ปั่นราคาแล้วทำให้ไข่ไก่แพง ยืนยันว่า ไม่จริง เพราะในการขายไข่ไก่ทุกครั้งจะมีทั้งคิวประจำ ก็คือจะมีผูกกับฟาร์มไว้ให้เข้าวันละ 5 เที่ยว เที่ยวละ 1,200 แผง แต่ตอนนี้บางฟาร์มมีขายให้ตามปกติ บางฟาร์มเข้าเที่ยวละ 1,200 แผง เหลือ 600 แผง บางฟาร์ม เหลือ 200 แผง แล้วอีก 800 แผง “ไข่ไก่” ไปไหน นี่ผมตั้งคำถาม
มีคนบอกว่าไข่ไก่ ชุดดังกล่าวนี้ออกไปทางหลังฟาร์ม มีรถปิคอัพมาซื้อ ทำไมต้องมาซื้อไข่ไก่หลังฟาร์ม เพราะคนตระหนกอยากจะซื้อไข่ไก่ไปรับประทานก็ซื้อ แล้วอีกด้านฟาร์มเห็นราคาที่ดีกว่าก็ขายตามราคานั้น เพราะตอนนี้ราคาประกาศไข่คละหน้าฟาร์มอยู่ที่ 2.80 บาทต่อฟอง แล้วไม่สามารถขยับราคาขึ้นไปได้เนื่องจากอยู่ภายใต้ พ.ร.ก.ฉุกเฉินจะไม่สามารถปรับราคาขายได้ เมื่อปรับราคาขายไข่ไก่ไม่ได้ก็ต้องใช้วิธีนี้ ผมไม่ได้เข้าข้างใครนะ เป็นช่องว่างจึงทำให้เกิดอาชีพใหม่ เป็นพ่อค้าแม่ค้าไข่ไก่มือสมัครเล่นแทน ทั้งที่ไม่ใช่อาชีพที่แท้จริงคุณสวมขึ้นมาแทนที่
“ไม่ต่างจากหน้ากากอนามัยคนต้องการสูงก็แห่ซื้อกันประกอบกับ 1.มีการปลดไก่ ที่วางแผนไว้ตั้งแต่เดือนมกราคมแล้ว ก็มาเจอกับโควิด 2.มีบางส่วนส่งสิงคโปร์เพราะมีคำสั่งซื้อล่วงหน้าไว้แล้ว ซึ่งปัจจุบันตลาดไข่ไก่ไม่ได้ซับซ้อน สัดส่วนออกจากฟาร์ม 20% โมเดิร์นเทรด โรงแรม ร้านอาหาร และ 80% ตลาดสด,ตลาดนัด ,รถเร่ และร้านขายของชำ (สมาคมผู้ผลิต ผู้ค้าและส่งออกไข่ไก่)”ไข่ไก่ออกทุกวัน แล้วจู่ ๆ หายไปไหน
นายสุธาศิน กล่าวว่า อย่ามาไล่จับกันเลย ตอนนี้เองผู้ค้าไข่มืออาชีพหมายถึงเป็นคนที่มีอาชีพค้าไข่จริง ไม่อยากจะขายไข่ไก่กันแล้ว ไม่อยากจะเปิดหน้าร้านกันแล้วเพราะกลัวโดนจับ เพราะราคาที่ซื้อขายกันเหวี่ยงแรง บางคนซื้อ 2.80 บาท บางคนซื้อ 3.2 -3.3 บาทต่อฟอง แล้วจะตั้งราคาขายกันอย่างไร เพราะกรมการค้าภายในกำหนดราคาก็เท่านี้แล้วจะขายอย่างไร เพราะฉะนั้นอย่ามองผู้ค้าคนกลางเป็นผู้ร้ายคนดีก็มีคนไม่ดีก็มีในสังคม แต่คนไม่ดีในสังคมทำให้คนดีในสังคมนั้น ๆ เสียหาย ปลาเน่าตัวเดียวลงไปอยู่ในเข่ง ก็เหม็นทั้งเข่งเลย เช่นเดียวกับฟาร์มที่ดีก็มีมาก ฟาร์มไม่ดีก็มีแต่ส่วนน้อย ทุกสังคมมีทั้งคนดีและไม่ดีเช่นเดียวกัน
ด้านนายมาโนช ชูทับทิม นายกสมาคมผู้เลี้ยงไก่ไข่ เผยผ่านแอพลิเคชั่นไลน์ถึงสมาชิกว่า ตามที่เกิดการจับกุมเกษตรกรเลี้ยงไก่ไข่ในช่วงวันสองวันนี้ว่าไข่คละหน้าฟาร์มที่ 2.80 บาท ส่วนขบวนการต่าง ๆ เป็นไข่เบอร์ต้องค่าใช้จ่ายพร้อมค่าขนส่งด้วยซึ่ง ราคา 2.80 บาทต่อฟอง จะเป็นตัวตั้งไว้บวกด้วยค่าใช่จ่าย 1.ค่าขนส่งจากฟาร์ม 2.ค่าคัดเกรด ( รวมค่าเสียหาย ) 3. ค่าน้ำค่าไฟ 4. ค่าแรงงาน 5. บวกด้วยกำไร ฉะนั้น 1+2+3+4+5 เท่ากับ 10 สตางค์ +10 สตางค์+.5 สตางค์ +5 สตางค์+10 สตางค์ กล่าวคือ เช่น ต้นทุนบวกกำไรของ ยี่ปั๊วจึงเท่ากับ เบอร์ 3 ที่ 2.80 บาท +10 สตางค์ + 10 สตางค์ + 5 สตางค์+ 5 สตางค์ +10 สตางค์
"เท่ากับเบอร์ 3 ขายส่งที่ซาปั๊ว ราคา 3.20 บาท ต่อฟอง ส่วนซาปั๊วไปบวกขายปลีกอีก 30 สตางค์ถึง 50 สตางค์ แล้วปริมาณการขายมากน้อยของแต่ละที่ เพราะฉะนั้น ราคาขายปลีกจึงกำหนดไว้ได้ดังนี้ "เบอร์ 3" ราคา 3.50-3.70 บาทต่อฟอง,เบอร์ 2 ราคา 3.60-3.80 บาทต่อฟอง ,เบอร์1 ราคา 3.70-3.90 บาทต่อฟอง และเบอร์ 0 ราคา 4.00-4.10 บาทต่อฟอง
อนึ่งราคาไข่อาจเปลี่ยนแปลงไปตามพื้นที่การเลี้ยงและขนาดการขายจำนวนมากน้อย ลูกค้าเงินสดหรือลูกค้าเงินเชื่อที่ได้ตกลงไว้บางพื้นที่ อีกทั้งราคาอาจสูงต่ำได้อีกถ้ามีค่าใช้จ่ายแต่ละตัวมากน้อยไม่เหมือนกัน ทางสมาคมฯจึงขอแจ้งสมาชิกและเกษตรกรให้มีบรรทัดฐานในการคิดเป็นข้อมูลไว้ชี้แจงสังคมต่อไป
"ผมพยายามจะบอกข้อเท็จจริงกับสังคมเรื่องต้นทุนบวกกำไรต้องเข้าใจว่าแต่ละแห่งจะไม่เท่ากันบางคนคิด หรือบางคนไม่คิด ผมคิดคร่าวๆดอกเบี้ย ค่าเสื่อมก็ไม่ได้คิดเพราะอาจไปบวกอยู่ในตัวอื่นๆ แต่ในทางบัญชีทางธุรกิจทั่วไปเขามีทั้งนั้นแม้แต่ค่าแรงตัวเองบางที่ก็ไม่ได้คิด แต่เวลาเจ้าหน้าที่มาทำการจับกุมคนเลี้ยงก็ต้องมีหลักไว้บ้างเป็นข้ออ้างอิง ส่วนเรื่องต้นทุนต่างๆถ้าเราไม่คิดก็ตัดไปหรือเห็นว่ามากไปก็ลดลงมา ผมบอกแล้วแต่ละที่ไม่เหมือนกัน แค่มีคนงานคนเดียวค่าแรงวันละเท่าไหร่ทุกวันนี้คนทำกิจการไม่ว่าเล็กหรือใหญ่ล้วนแล้วแต่หวานอมขมกลืน"
นายมาโนช กล่าวว่า ผมอยากให้พวกเราคิดเรื่องต้นทุนให้ดีๆ แม้แต่ สศก. ก็ใช่ว่าจะคิดครบถ้วนอย่าง เช่นราคาขายเอาราคาไข่คละทั้งฟาร์มเป็นคละใหญ่ทั้งหมดซึ่งข้อเท็จจริงไม่ใช่เรามีไข่เล็กออกตลอดและไม่ได้ราคาตามนั้น ส่วนเรื่องต้นทุนกำไรของการค้าผมไม่ยึดตายตัวให้ไปปรับกันเองทั้งต้นทางปลายทางมากน้อยตัวไหนๆปรับเอาครับและยังไม่จบเพียงแต่นี้คงมีเรื่องตามมาอีกมากมาย แต่ขอให้พวกเราที่เป็นประชาขนคนทำกิน ( สุจริต ) ทั้งคนเลี้ยงคนค้าที่มีใจเป็นธรรมได้มีที่ยืนอย่างสง่าเราไม่เอาเปรียบสังคมและสังคมก็ไม่ควรเอาเปรียบเราด้วย ช่วยๆกัน