นายก สั่ง คลัง หาซอฟท์โลนช่วย 7 สายการบิน 2.4 หมื่นล้าน

28 ส.ค. 2563 | 04:41 น.
อัปเดตล่าสุด :28 ส.ค. 2563 | 12:03 น.

นายกฯ สั่ง คลัง ประสานสถาบันการเงินหาเงินกู้ซอฟท์โลน 2.4 หมื่นล้าน ให้ 7 สายการบิน คงการจ้างงาน 20,000 คน

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (28 ส.ค.63) ณ ห้องสีม่วง ตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม รับหนังสือขอให้รัฐบาลพิจารณามาตรการช่วยเหลือภาคธุรกิจการบินของประเทศไทย เนื่องจากผลกระทบของการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือ โควิด-19 จากคณะผู้บริหารระดับสูงของ 7 สายการบินในประเทศไทย ซึ่งนำโดย นายธรรศพลฐ์ แบเลเว็ลด์ ประธานกรรมการบริหารสายการบินไทยแอร์เอเชีย และคณะรวม 14 คน โดยมี นายดิสทัต โหตระกิตย์  เลขาธิการนายกรัฐมนตรี นายทศพร ศิริสัมพันธ์ เลขาธิการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ นายประสงค์ พูนธเนศ ปลัดกระทรวงการคลัง นายชัยวัฒน์ ทองคำคูณ ปลัดกระทรวงคมนาคม นายจุฬา สุขมานพ ผู้อำนวยการสำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย เข้าร่วมด้วย

 

ภายหลังการหารือนายอนุชา บูรพชัยศรี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ได้เปิดเผยถึงสาระสำคัญว่า นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า ธุรกิจการบินเป็นธุรกิจสำคัญที่ต่างก็ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 เหมือนกันทั่วโลก อย่างไรก็ตาม ภาครัฐจะพิจารณาข้อเสนอจากภาคธุรกิจการบินและหาวิธีการช่วยเหลือ

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง 

วิกฤติโควิด แอร์ไลน์  จอดนิ่ง50ลำ

ไทยแอร์เอเชีย ยืนระยะฝ่าวิกฤติโควิด สู่สายการบินที่แข็งแกร่ง

“คลัง-ธปท.” ต้องฟัง 108 วิธีหากินกับซอฟต์โลน

“สายการบินต้องปรับตัวครั้งใหญ่” เดฟ คอลฮูน ซีอีโอ บ.โบอิ้ง

 

ทั้งนี้ รัฐบาลโดย ศบค. กำลังหามาตรการผ่อนปรนในหลายเรื่อง ทั้งการหาแนวทางปลดล็อคเรื่องการบิน รวมทั้งกำลังเร่งผ่อนคลายเรื่องการท่องเที่ยวในประเทศโดยต้องพิจารณาทั้งต้นทาง กลางทาง และปลายทาง

 

ขณะเดียวกันก็ต้องสร้างความเข้าใจกับต่างประเทศด้วย ทั้งนี้ นายกฯ ขอให้ภาคธุรกิจการบินร่วมมือกันให้มากขึ้น ลดการแข่งขันด้านราคาโดยให้แข่งขันกันด้านบริการ ให้จัดระเบียบการดำเนินงานให้ดี ให้คงสภาพการดำเนินงานโดยไม่ให้มีหนี้สินเพิ่ม และไม่ลดการจ้างพนักงาน โดยรัฐบาลจะหามาตรการเสริมต่างๆช่วยโดยเร็วต่อไป

 

ด้านนายธรรศพลฐ์ แบเลเว็ลด์ ประธานกรรมการบริหารสายการบินไทยแอร์เอเชีย เปิดเผยว่า นายกฯ รับข้อเสนอของ 7 ผู้ประกอบการสายการบินในประเทศที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 ที่ได้ยื่นข้อเสนอ 3  ข้อ คือ

 

1.ขอเงินกู้ดอกเบี้ยต่ำ (ซอฟท์โลน) วงเงินรวม  2.4 หมื่นล้านบาท ซึ่งนายกรัฐมนตรีรับปากและมอบหมายให้ปลัดกระทรวงการคลังไปประสานกับสถาบันการเงินของรัฐในการหาแหล่งเงินกู้ เบื้องต้นสายการบินในประเทศได้หารือกับ ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (เอ็กซิมแบงก์) ไว้เบื้องต้นแล้ว คาดว่าจะได้เงินกู้ในเดือน ต.ค.นี้

 

2.ข้อเสนอในเรื่องการต่ออายุการลดภาษีสรรพสามิตน้ำมันเชื้่อเพลิงเครื่องบิน ซึ่งในเรื่องนี้กระทรวงการคลังขอกลับไปพิจารณาก่อน

 

3.ข้อเสนอในเรื่องการลดค่าธรรมเนียมและค่าใช้จ่ายต่างๆ ของสายการบินในประเทศ เช่น ค่าจอดเครื่องบิน ค่าservice chartและค่าธรรมเนียมผู้โดยสาร เป็นต้น ซึ่งข้อเสนอนี้ภาคเอกชนขอให้รัฐบาลช่วยขยายระยะเวลาลดค่าธรรมเนียมออกไปจนถึงเดือน ธ.ค.ปี 2564 แต่นายกรัฐมนตรีรับปากว่า จะขยายให้จนถึงเดือน มี.ค.2565

 

“วันนี้เป็นวันที่ยิ้มได้เพราะนายกรัฐมนตรีรับข้อเสนอที่จะช่วยพวกเราสายการบินในประเทศที่ได้รับผลกระทบจากโควิดเพื่อให้สายการบินมีสภาพคล่องในการดำเนินธุรกิจจนถึงปีหน้าที่ธุรกิจฟื้นตัว ซึ่งเมื่อรัฐบาลช่วยเหลือดังนี้ก็จะสามารถคงการจ้างงานพนักงานไว้ได้กว่า  2 หมื่นคนโดยไม่ต้องปลดพนักงานออก ”

 

ทั้งนี้ มีรายงานว่า คณะผู้บริหารระดับสูงของ 7 สายการบินในประเทศไทยที่เข้าพบนายกรัฐมนตรีเพื่อยื่นหนังสือฯ ในครั้งนี้ ประกอบด้วย ผู้บริหารสายการบินไทยแอร์เอเชีย สายการบินไทยแอร์เอเชียเอ็กซ์ สายการบินไทยสมายล์แอร์เวย์ สายการบินไทยไลอ้อนแอร์ สายการบินไทยเวียตเจ็ท สายการบินนกแอร์ และสายการบินบางกอกแอร์เวยส์ โดยได้มีข้อเสนอรวม 3 ประเด็น คือ 1. มาตรการสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำแก่ผู้ประกอบการสายการบิน โดยขอเสนอให้พิจารณามาตรการสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำแก่ผู้ประกอบการสายการบินให้เร็วที่สุด 2. ขยายระยะเวลาการลดภาษีสรรพสามิตสำหรับน้ำมันเชื้อเพลิงเครื่องบินไอพ่น และ 3. การยกเว้นและลดหย่อนค่าธรรมเนียมการดำเนินงานของสายการบิน