กลุ่มมิลล์คอน สตีล ประเมินผลงานปีนี้เป็นบวก รับอานิสงส์โครงการรถไฟฟ้าความเร็วสูง –ราคาเหล็กในตลาดโลกมีแนวโน้มปรับเพิ่มขึ้น เผยเน้นผลิตเหล็กเกรดคุณภาพ พร้อมเดินหน้าลดหนี้กว่า 3.8 พันล้านบาท หนุนฐานะการเงินแกร่ง
นายประวิทย์ หอรุ่งเรือง กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท มิลล์คอน สตีล จำกัด(มหาชน) หรือ MILL เปิดเผยว่า แนวโน้มผลการดำเนินงานของบริษัทในปี 2564 คาดว่ารายได้จะมีการเติบโต และมีกำไรสุทธิเกิดขึ้น แม้ภาพรวมเศรษฐกิจของประเทศจะได้รับผลกระทบจากโควิด-19 เนิ่องจากปีนี้จะเริ่มมีการก่อสร้างโครงการรถไฟฟ้าความเร็วสูง ทำให้ความต้องการใช้เหล็กเส้นในประเทศเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะผลิตภัณฑ์เหล็กเส้นเกรดคุณภาพ
“ความต้องการใช้เหล็กทั่วไปในประเทศ น่าจะดีกว่าปีที่ผ่านมา เพราะงานก่อสร้างเริ่มกลับเข้ามา ากปี 2563 ที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 ทำให้กลุ่มก่อสร้างชะงักไปเลย แต่ปีนี้เริ่มมีการปรับตัว มีสัญญาณดีขึ้น โดยคาดว่าความต้องการใช้เหล็กในประเทศน่าจะถึง 3.5 ล้านตัน”นายประวิทย์กล่าว
นอกจากนี้ราคาเหล็กในตลาดโลกยังมีแนวโน้มปรับตัวเพิ่มขึ้น เนื่องจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 ทั่วโลก โครงการก่อสร้างทั้งในและต่างประเทศชะงัก เหมืองแร่เหล็กไม่สามารถทำงานได้ ทำให้ราคาวัตถุดิบสูงขึ้น ประกอบกับการนำเข้าและส่งออกสินค้าในช่วงปีที่ผ่านมาค่อนข้างยากลำบาก ระบบโลจิสติกส์ทั่วโลกมีปัญหา ส่งผลให้ราคาเหล็กปรับตัวสูงขึ้น
ขณะที่กลุ่มมิลล์คอนฯ ตั้งเป้าเน้นผลิตเหล็กเส้นเกรดคุณภาพที่สามารถรองรับโครงการรถไฟฟ้าความเร็วสูง ที่มีมาร์จินสูงกว่าเหล็กเส้นปกติ ทำให้ประเมินว่าภาพรวมผลประกอบการในปีนี้จะยังเป็นบวก
นายประวิทย์ กล่าวอีกว่า จุดแข็งของกลุ่มมิลล์คอน คือการเป็นผู้ผลิตเหล็กที่มีครบวงจร ทั้งการบริหารเศษเหล็ก โรงงานรีดเหล็กและโรงงานหลอมเหล็ก ซึ่งผู้ประกอบการในประเทศส่วนใหญ่มีแค่โรงงานรีด ทำให้กลุ่มมิลล์คอนได้เปรียบ เพราะสามารถพัฒนาผลิตภัณฑ์เหล็กเส้นที่ได้มาตรฐานเป็นที่ยอมรับของโครงการก่อสร้างขนาดใหญ่ได้ นอกจากบริษัทยังมีฐานะการเงินที่แข็งแกร่งทำให้ได้เปรียบในเชิงการแข่งขัน โดยในปีนี้บริษัทฯมีแผนที่จะลดหนี้ลงอีก 3,800 ล้านบาท
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
“มิลล์คอนสตีล” ยกเครื่อง “ซันเทค” รุกธุรกิจเศษเหล็กครบวงจร
“มิลล์คอนสตีล”แกร่งQ1กำไรก่อนหักภาษีพุ่งกว่า203%
“มิลล์คอน”ดันเหล็กเส้นสร้างรถไฟฟ้าได้มาตรฐานเทียบจีน