นายทศพล ทังสุบุตร อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า เปิดเผยว่า การจดทะเบียนธุรกิจในเดือนธ.ค.2563 มีผู้ประกอบธุรกิจยื่นขอจดทะเบียนจัดตั้งห้างหุ้นส่วนบริษัทใหม่ทั่วประเทศจำนวน 3,287 ราย เมื่อเทียบกับเดือนพ.ย.2563 ลดลง 27% และเทียบกับเดือนธ.ค.2562 เพิ่มขึ้น 4% โดยมีทุนจดทะเบียน 27,587 ล้านบาท เทียบกับพ.ย.2563 เพิ่มขึ้น 77% เทียบกับ ธ.ค.2562 เพิ่มขึ้น 29% โดยธุรกิจที่จัดตั้งใหม่สูงสุด 3 อันดับแรก ได้แก่ ธุรกิจก่อสร้างอาคารทั่วไป ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ และธุรกิจบริการด้านอาหารในภัตตาคารและร้านอาหาร
ส่วนธุรกิจเลิกกิจการ มีจำนวน 6,013 ราย เทียบกับพ.ย.2563 เพิ่มขึ้น 145% เทียบกับธ.ค.2562 เพิ่มขึ้น 6% โดยมีมูลค่าทุนจดทะเบียนจำนวน 16,726 ล้านบาท เทียบกับพ.ย.2563 ลดลง 14% เทียบกับ ธ.ค.2562 ลดลง 23% และธุรกิจที่เลิกสูงสุด 3 อันดับแรก ได้แก่ ธุรกิจก่อสร้างอาคารทั่วไป ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ และธุรกิจภัตตาคาร ร้านอาหาร
“การจดทะเบียนตั้งใหม่เดือนธ.ค.2563 ที่มีจำนวนน้อยลง ถือเป็นปกติของการจดทะเบียนทำธุรกิจใหม่ในช่วงปลายปี ที่ยอดตั้งใหม่มักจะลดลง เพราะผู้ประกอบการไม่ต้องการที่จะทำบัญชีและส่งงบการเงินรอบปีบัญชี 2563 และคาดว่าการจดทะเบียนตั้งใหม่ จะเริ่มปรับตัวดีขึ้นตั้งแต่เดือนม.ค.2564 เป็นต้นไป ส่วนยอดเลิกที่มีจำนวนมากที่สุดในรอบปีนั้น เนื่องจากต้องการทำบัญชีให้แล้วเสร็จภายในรอบปีบัญชี ไม่ต้องการให้เป็นภาระในรอบปีถัดไป และยังเจอโควิด-19 ทำให้ชะลอการจดเลิกระหว่างปี และมาจดเลิกในเดือนสุดท้ายของปีแทน”นายทศพลกล่าว
สำหรับยอดรวมการจัดตั้งธุรกิจใหม่ในปี 2563 (ม.ค.-ธ.ค.) มีจำนวนทั้งสิ้น 63,340 ราย เมื่อเทียบกับปี 2562 ที่มีจำนวน 71,485 ราย ลดลง 8,145 ราย หรือลดลง 11% ซึ่งอยู่ในเป้าหมายที่กรมฯ ได้ประเมินไว้ว่ายอดจดทะเบียนตั้งใหม่ทั้งปี 2563 จะอยู่ที่ 63,000-64,000 ราย เพราะได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 ทำให้มีการปิดประเทศและปิดเมือง ช่วงมี.ค.-ก.ค.2563 ผู้ประกอบการจึงชะลอทำธุรกิจ โดยมีทุนจดทะเบียนรวมทั้งสิ้น 235,272 ล้านบาท ลดลง 28% ส่วนธุรกิจที่จัดตั้งใหม่สูงสุด 3 อันดับแรก ได้แก่ ธุรกิจก่อสร้างอาคารทั่วไป ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ และธุรกิจขนส่งและขนถ่ายสินค้ารวมถึงคนโดยสาร ขณะที่ยอดเลิกกิจการปี 2563 มีจำนวน 20,920 ราย ลดลง 5% ส่วนยอดเลิกในปี 2563 มีจำนวน 20,920 ราย ลดลง 5%
ทั้งนี้ ปี 2564 กรมฯ ได้ตั้งเป้าหมายการจดทะเบียนตั้งธุรกิจใหม่ที่ 64,000-66,000 ราย เพราะหลายฝ่ายมีการประเมินเศรษฐกิจไทยในปีนี้ จะขยายตัวเพิ่มขึ้น ทำให้มีการลงทุนทำธุรกิจมากขึ้น ปัญหาสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ กับจีน มีทิศทางดีขึ้น และเริ่มที่จะมีการฉีดวัคซีนโควิด-19 ทำให้สถานการณ์การใช้ชีวิตเริ่มที่จะกลับมาเป็นปกติ ส่งผลให้เศรษฐกิจการค้าโลกฟื้นตัว แต่ก็ยังต้องระวังโควิด-19 ที่กลับมาระบาดใหม่ โดยต้องรอดูสถานการณ์ก่อนว่าจะเป็นอย่างไร แต่เชื่อมั่นว่ารัฐบาลจะดูแลได้
ล่าสุดมีธุรกิจดำเนินกิจการอยู่ทั้งสิ้น (ณ วันที่ 31 ธ.ค.2563) จำนวน 769,208 ราย มูลค่าทุน 19.17 ล้านล้านบาท แยกเป็นห้างหุ้นส่วนจำกัด ห้างหุ้นส่วนสามัญนิติบุคคล จำนวน 187,015 ราย คิดเป็น 24.31% บริษัทจำกัด จำนวน 580,911 ราย คิดเป็น 75.52% และบริษัทมหาชนจำกัด จำนวน 1,282 ราย คิดเป็น 0.17% ตามลำดับ