“กรมพัฒน์ฯ” จับมือยูนิลีเวอร์ มอบชั้นวางให้โชวห่วยกว่า 100 ร้านค้า

08 เม.ย. 2564 | 08:02 น.

กรมพัฒน์ จับมือยูนิลีเวอร์ ลงพื้นที่โคราชมอบชั้นวางสินค้าจากวัสดุรีไซเคิลแก่ร้านโชวห่วยในจังหวัด 100 ร้านค้า เพื่อปรับภาพลักษณ์ร้านค้าให้ดึงดูดลูกค้ามากขึ้น ตั้งเป้าดันร้านค้าโชวห่วยทั่วประเทศสู่การเป็น “สมาร์ทโชวห่วย”

นายพูนพงษ์ นัยนาภากรณ์ รองอธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ เผยว่า ร้านโชวห่วย หรือร้านค้าปลีกชุมชนขนาดเล็ก เป็นกลไกสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจในระดับท้องถิ่นที่ตอบสนองความต้องการของคนในชุมชนขั้นพื้นฐาน การพัฒนาผู้ประกอบธุรกิจร้านค้าส่งค้าปลีกให้สามารถบริหารจัดการธุรกิจได้อย่างมีประสิทธิภาพ จะช่วยยกระดับให้ธุรกิจเป็นที่เชื่อถือและยอมรับจากผู้ใช้บริการ นอกจากนี้ การรักษาสิ่งแวดล้อมและความรับผิดชอบต่อส่วนรวม ถือเป็นสิ่งสำคัญที่ผู้ประกอบการต้องใส่ใจ เพื่อสร้างพื้นฐานทางธุรกิจให้แข็งแกร่ง ควบคู่ไปกับการสร้างรากฐานคุณภาพชีวิตที่ดีของคนในสังคม

“กรมพัฒน์ฯ” จับมือยูนิลีเวอร์  มอบชั้นวางให้โชวห่วยกว่า 100 ร้านค้า

โดยในวันนี้ (8 เมษายน 2564) กรมฯ ร่วมกับ บริษัท ยูนิลีเวอร์ ไทย เทรดดิ้ง จำกัด นำชั้นวางสินค้ารีไซเคิลมอบให้ร้านโชวห่วยจำนวน 100 ร้านค้า ในพื้นที่จังหวัดนครราชสีมา โดยเริ่มนำร่องในพื้นที่อำเภอปากช่องจำนวน 3 ร้านค้า คือ ร้านสมบัติ มินิมาร์ท ร้านเขาใหญ่สโตร์นิวส์ และร้านติ๊ก (หลายสิ่งลิตเติ้ลมาร์ท) พร้อมรับฟังปัญหา อุปสรรค ก่อนให้คำแนะนำเพื่อพัฒนาสู่การเป็นสมาร์ทโชวห่วยต่อไป

 โดยชั้นวางสินค้าดังกล่าวผลิตจากบรรจุภัณฑ์ที่ผู้บริโภคใช้แล้ว (Post-consumer) อาทิ ถุงเติมน้ำยาล้างจาน น้ำยาซักผ้า สบู่ แชมพู นำไปสร้างเป็นไม้เทียมและประกอบเป็นชั้นวางสินค้าที่มีความคงทน และมีอายุการใช้งาน 5-10 ปี ทั้งนี้ การนำชั้นวางสินค้ารีไซเคิลมาใช้ทดแทน ถือเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญที่แสดงถึงความใส่ใจต่อสิ่งแวดล้อมของร้านค้าโชวห่วย

“กรมพัฒน์ฯ” จับมือยูนิลีเวอร์  มอบชั้นวางให้โชวห่วยกว่า 100 ร้านค้า

 

“กรมพัฒน์ฯ” จับมือยูนิลีเวอร์  มอบชั้นวางให้โชวห่วยกว่า 100 ร้านค้า

สำหรับ ร้านค้าที่เข้าร่วมโครงการสมาร์ทโชวห่วยของกรมพัฒนาธุรกิจการค้า จะได้รับการพัฒนาภาพลักษณ์ร้านค้าและส่งเสริมการใช้เทคโนโลยีให้สามารถแข่งขันได้และมีการบริหารจัดการที่ดี มีกำไรเพิ่มขึ้นรวมถึงสามารถแข่งขันกับร้านค้าปลีกสมัยใหม่ได้ ซึ่งการเสริมอาวุธให้กับร้านโชวห่วยถือเป็นวาระเร่งด่วนของกรม เพราะร้านโชวห่วยมีความสำคัญเป็นอย่างยิ่งสำหรับผู้บริโภคในทุกพื้นที่ อีกทั้งเป็นแหล่งการจ้างงานเป็นช่องทางการกระจายสินค้าของผู้ผลิตสินค้าชุมชนรวมถึงสินค้า OTOP และที่สำคัญยังเป็นช่องทางการช่วยเหลือประชาชนซึ่งภาครัฐได้สนับสนุนโครงการต่างๆ เช่น บัตรสวัสดิการและโครงการเราชนะ โชวห่วยจึงจำเป็นที่จะต้องมีความเข้มแข็ง และเป็นรากฐานให้กับสังคมไทยต่อไป