นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม (อก.) เปิดเผยว่า ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรม (MPI) เดือนมีนาคม 2564 อยู่ที่ระดับ 107.73 เพิ่มขึ้น 4.12% เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อน กลับมาเป็นบวกและเป็นการขยายตัวสูงสุดในรอบ 29 เดือน (ต.ค. 61 – ก.พ. 64) จากสถานการณ์ภาคการผลิตอุตสาหกรรมเริ่มส่งสัญญาณฟื้นตัว
ทั้งนี้ มีอัตราการใช้กำลังการผลิตอยู่ที่ระดับ 69.59% สะท้อนให้เห็นแนวโน้มภาคการผลิตของประเทศเติบโตตามเศรษฐกิจของโลกที่ดีขึ้น รวมถึงรัฐบาลไม่ได้ใช้มาตรการล็อกดาวน์ และกลุ่มแพร่ระบาดไม่ได้อยู่ในกลุ่มแรงงาน โรงงาน ดังนั้น ภาคการผลิตอุตสาหกรรมยังคงประกอบกิจการได้อย่างต่อเนื่อง ประกอบกับรัฐบาลยังคงมีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่อง เช่น โครงการเราชนะ เรารักกัน คนละครึ่งเฟส 3 เป็นต้น และประเทศไทยเริ่มทยอยฉีดวัคซีนให้ประชาชนและมีแผนบริหารจัดการวัคซีนให้ครอบคลุมทั่วประเทศภายในสิ้นปี 64 ทำให้ความเชื่อมั่นทั้งในภาคการผลิตและการบริโภคดีขึ้น
นายทองชัย ชวลิตพิเชฐ ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม (สศอ.) กล่าวว่า อุตสาหกรรมสำคัญที่ส่งให้ MPI ขยายตัว ได้แก่ อุตสาหกรรมยานยนต์ที่มีการผลิตเพิ่มขึ้น 7.53% จากการผลิตที่เพิ่มขึ้นของรถยนต์ทุกประเภทตามความต้องการทั้งจากในประเทศและการส่งออกที่ขยายตัว ในกลุ่มประเทศเอเชีย โอเชียเนีย และยุโรป และอุตสาหกรรมเหล็กและเหล็กกล้าขั้นมูลฐานมีการผลิตเพิ่มขึ้น 19.19% เนื่องจากเร่งผลิตเพื่อทำกำไรในช่วงที่ราคาเหล็กในตลาดโลกเพิ่มสูงขึ้น 40-60% และการปรับตัวของอุตสาหกรรมต่อเนื่องที่เพิ่มขึ้น
สำหรับมูลค่าการส่งออกสินค้าอุตสาหกรรม (ไม่รวมทองคำและรายการพิเศษ) ขยายตัว 25.77% ขยายตัวระดับ 2 หลักครั้งแรกในรอบ 31 เดือน อีกทั้งมีการนำเข้าสินค้าวัตถุดิบและกึ่งสำเร็จรูป ขยายตัว 26.45% สินค้าที่มีการนำเข้าเพิ่มขึ้น ได้แก่ เหล็ก เหล็กกล้าและผลิตภัณฑ์ และอุปกรณ์ส่วนประกอบเครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ เป็นต้น โดยในภาคการผลิตอุตสาหกรรมมีแนวโน้มการขยายตัวอย่างต่อเนื่อง จากการนำเข้าสินค้าวัตถุดิบและกึ่งสำเร็จรูปที่เพิ่มขึ้น สะท้อนให้เห็นว่าภาคการผลิตในเดือนถัดไปจะมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น
ส่วนอุตสาหกรรมหลักที่มีดัชนีผลผลิตขยายตัวในเดือนมีนาคม 2564 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ได้แก่ รถยนต์และเครื่องยนต์ ขยายตัวเพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 7.53% จากรถบรรทุกปิคอัพรถยนต์นั่งขนาดเล็ก และเครื่องยนต์ดีเซล เนื่องจากความต้องการในประเทศที่ในช่วงปลายเดือนมีนาคม 2564 มีการจัดงานมอเตอร์โชว์ และการส่งออกที่ขยายตัวในกลุ่มประเทศเอเชีย โอเชียเนีย และยุโรป
เหล็กและเหล็กกล้าขั้นมูลฐาน ขยายตัวเพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 19.19% จากเหล็กแผ่นรีดเย็น เหล็กเคลือบสังกะสี เหล็กลวด เหล็กรูปพรรณรีดร้อน และเหล็กเส้นกลม เป็นหลัก โดยได้รับอานิสงส์จากปริมาณเหล็กในตลาดโลกลดลง ทำให้ราคาเหล็กโลกปรับตัวสูงขึ้น ผู้ผลิตจึงมีการเร่งผลิต เพื่อทำกำไรในช่วงที่ยังมีภาวะขาดแคลนสินค้า
น้ำตาล ขยายตัวเพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 26.89% เนื่องจากปีนี้โรงงานปิดหีบช้ากว่าปีก่อน และผลผลิตอ้อยสดมีคุณภาพสามารถหีบสกัดเป็นน้ำตาลได้สูงกว่าปีก่อน
เฟอร์นิเจอร์ ขยายตัวเพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 42.76% จากเครื่องเรือนทำด้วยไม้เนื่องจากมีคำสั่งซื้อจากสหรัฐอเมริกาอย่างต่อเนื่อง
อาหารสัตว์สำเร็จรูป ขยายตัวเพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 15.48% จากการขยายตลาดของกลุ่มอาหารสัตว์เลี้ยง และสุกร โดยเฉพาะคำสั่งซื้ออาหารแมวจากสหรัฐอเมริกาที่มีเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ผู้ผลิตยังได้ขยายตลาดผ่านช่องทางออนไลน์เพิ่มขึ้นเพื่อตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคที่ใช้ชีวิตตามวิถีใหม่
ข่าวที่เกี่ยวข้อง :