วันที่ 20ก.ค. 64 มติที่ประชุมครม.ล่าสุดวันนี้ เห็นชอบ "มาตรการเยียวยาโควิด" รอบล่าสุด ให้กับประชาชนและผู้ประกอบการในจังหวัดพระนครศรีอยุธยา จังหวัดชลบุรี และจังหวัดเฉะเชิงเทรา โดยมีระยะเวลาการให้ความช่วยเหลือ จำนวน 1 เดือน
หลังจากทั้ง 3 จังหวัดดังกล่าว ถูกปรับโซนสีโควิดล่าสุด ให้เป็นพื้นที่สีแดงเข้ม หรือ พื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด
โดยมาตรการเยียวยาประกันสังคม ของทั้ง อยุธยา ชลบุรี ฉะเชิงเทรา เป็นชุดมาตรการเดียวกันกับที่ คณะรัฐมนตรี(ครม.)มีมติเมื่อ 13 ก.ค. 64 ในการเยียวยาให้กับ กรุงเทพมหานคร นครปฐม นนทบุรี ปทุมธานี สมุทรปราการ สมุทรสาคร และจังหวัดชายแดนใต้ ได้แก่ นราธิวาสปัตตานี ยะลา และสงขลา ซึ่งเป็นพื้นที่สีแดงเข้ม ก่อนที่จะมีการปรับโซนสีล่าสุด
ประเภทกิจการที่จะให้ความช่วยเหลือ มี 9 สาขา ได้แก่
รูปแบบการให้ความช่วยเหลือ กลุ่มแรงงานและผู้ประกอบการที่อยู่ในระบบประกันสังคม ดังนี้
กลุ่มแรงงานตามมาตรา 33
ผู้ประกอบการหรือนายจ้าง ม.33
ผู้ประกันตนตามมาตรา 39 และมาตรา 40
ผู้ประกอบอาชีพอิสระ
กลุ่มผู้ประกอบการหรือนายจ้าง
มีลูกจ้างแต่ปัจจุบันไม่ได้อยู่ในระบบประกันสังคม ให้ดำเนินการ ดังนี้
นายจ้างที่ไม่มีลูกจ้างแต่ยังไม่อยู่ในระบบประกันสังคม
ผู้ประกอบการในระบบ “ถุงเงิน”
ผู้ประกอบการในระบบ “ถุงเงิน” ที่มีลูกจ้างแต่ยังไม่อยู่ในระบบประกันสังคม
วันที่ 19 ก.ค. 64 นางสาวรัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยถึงมติคณะรัฐมนตรี วันนี้ (20 ก.ค.2564) ว่า ที่ประชุมเห็นชอบการขยายขอบเขตมาตรการบรรเทาผลกระทบและให้ความช่วยเหลือแก่กลุ่มแรงงานและผู้ประกอบการที่อยู่ในพื้นที่สถานการณ์ควบคุมสูงสุดและเข้มงวดตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อ วันที่ 13 ก.ค. 64
ให้ครอบคลุมพื้นที่จากเดิม 10 จังหวัด เป็น 13 จังหวัด เพิ่มเติมจังหวัดฉะเชิงเทรา ชลบุรี และอยุธยา โดยยังคงกลุ่มลูกจ้างและผู้ประกอบการใน 9 กลุ่มกิจการที่ได้รับผลกระทบ อัตราการจ่ายและวิธีการจ่ายเงินเช่นเดิม เป็นระยะเวลา 1 เดือน
ฐานเศรษฐกิจ ตรวจสอบมติครม. พบว่า การขยายการเยียวยาครอบคลุม 13 จังหวัด พื้นที่สีแดเข้ม ทำให้กรอบวงเงินโครงการฯ เพิ่มขึ้นจาก 2,519.3800 ล้านบาท เป็น 13,504.6960 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นประมาณ 10,985.3160 ล้านบาท
ทั้งนี้ เห็นควรให้นายจ้างและลูกจ้างที่ได้รับเงินช่วยเหลือ เยียวยาจากการดำเนินโครงการฯ ได้รับยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคลและภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา
นอกจากนี้ ภายหลังจากที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบตามขั้นตอนแล้วให้สำนักงานประกันสังคม เร่งปรับปรุงข้อมูลในระบบ eMENSCR โดยเร็ว พร้อมทั้งมอบหมายให้สำนักงานประกันสังคม ดำเนินการตามความเห็นเพิ่มเติมของคณะกรรมการฯ โดยเคร่งครัดตามขั้นตอนต่อไป