กลุ่มสายการบินพรีเมี่ยม ได้แก่ สายการบิน ทั้ง ลุฟท์ฮันซ่า สวิสอินเตอร์เนชั่นแนลแอร์ไลน์ และ สายการบินออสเตรียน จะให้บริการเที่ยวบินระหว่างประเทศไทยและยุโรปเพิ่มขึ้นจาก 14 เที่ยวต่อสัปดาห์ในเดือนตุลาคม เป็น 18 เที่ยวบินต่อสัปดาห์ในเดือนพฤศจิกายน
นายสเตฟาน โมลนาร์ กล่าวว่า “เราจะยังคงให้การสนับสนุนประเทศไทยในการกลับมาเชื่อมต่อกับโลกอีกครั้ง”
สายการบินลุฟท์ฮันซ่า สวิสอินเตอร์เนชั่นแนลแอร์ไลน์ และสายการบินออสเตรียน ในกลุ่มสายการบินลุฟท์ฮันซ่า จะให้บริการผู้โดยสารในเที่ยวบินขาเข้าสู่กรุงเทพฯ ตั้งแต่วันที่ 16 ตุลาคมจนถึงสิ้นเดือนพฤศจิกายน
“เรารู้สึกขอบคุณรัฐบาลไทยที่อนุญาตให้เราสามารถให้บริการเที่ยวบินขาเข้าสู่กรุงเทพฯ อีกครั้ง ซึ่งเรารอวันนี้อย่างใจจดใจจ่อ” นายสเตฟาน โมลนาร์ ผู้จัดการทั่วไปประจำประเทศไทย ฟิลิปปินส์ เวียดนาม และภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขง สายการบินในกลุ่มบริษัทลุฟท์ฮันซ่ากล่าว
“การกลับมาให้บริการของทั้ง 3 สายการบินในกลุ่มพรีเมี่ยมของเรา แสดงให้เห็นชัดเจนว่าแม้ในช่วงเวลาที่เกิดเหตุการณ์ไม่คาดคิด ความต้องการเที่ยวบินระหว่างยุโรปมายังประเทศไทยยังคงมีอยู่เป็นอย่างมาก ซึ่งประเทศไทยนับเป็นตลาดที่สำคัญที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เราจะให้การสนับสนุนประเทศไทยต่อไปด้วยเที่ยวบินของเรา ในการกลับมาเชื่อมต่อกับโลกอีกครั้งและมีเป้าหมายในการฟื้นฟูอุตสาหกรรมการค้าและการท่องเที่ยวของประเทศ”
สายการบินลุฟท์ฮันซ่า สวิสอินเตอร์เนชั่นแนลแอร์ไลน์ และสายการบินออสเตรียน เป็นหนึ่งในสายการบินเพียงไม่กี่สาย ที่ไม่เคยหยุดให้บริการระหว่างกรุงเทพฯ และยุโรปนับตั้งแต่เกิดสถานการณ์โควิด-19
ตารางเที่ยวบินขาเข้าและขาออกจนถึงวันที่ 24 ตุลาคม จะให้บริการ 14 เที่ยวบินต่อสัปดาห์ระหว่างประเทศไทยและยุโรป:
ตารางเที่ยวบินนี้จะเพิ่มเป็น 18 เที่ยวบินต่อสัปดาห์ ตั้งแต่วันที่ 25 ตุลาคมถึง 30 พฤศจิกายน
ผู้โดยสารสามารถทำการจองได้ที่ Austrian.com, Lufthansa.com, SWISS.com หรือผ่านตัวแทนการท่องเที่ยว
ค่าโดยสารทุกประเภทของสายการบินลุฟท์ฮันซ่า สวิสอินเตอร์เนชั่นแนลแอร์ไลน์ และสายการบินออสเตรียน สามารถทำการเปลี่ยนแปลงเที่ยวบินได้หลายครั้งโดยไม่เสียค่าธรรมเนียมโดยมีผลทันที รวมไปถึงค่าโดยสารราคาประหยัดที่ไม่มีสัมภาระโหลดใต้ท้องเครื่อง เป็นต้น
แต่เดิมเพื่อเป็นการรับมือกับสถาณการณ์การแพร่ระบาด ทางกลุ่มสายการบินลุฟท์ฮันซ่าได้ประกาศให้มีการเปลี่ยนแปลงเที่ยวบินได้หนึ่งครั้งโดยไม่เสียค่าใช้จ่ายมาแล้วตั้งแต่ในช่วงฤดูใบไม้ผลิ ส่วนข้อกำหนดใหม่ที่อนุญาตให้เปลี่ยนแปลงเที่ยวบินได้หลายครั้งนี้ สามารถใช้ได้สำหรับการเปลี่ยนแปลงเที่ยวบินทั่วโลก ไม่ว่าจะเป็นเที่ยวบินระยะสั้น ระยะกลาง และระยะยาว สายการบินในกลุ่มบริษัทลุฟท์ฮันซ่าดำเนินงานเพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้า เพื่อให้ลูกค้าสามารถวางแผนการเดินทางที่มีความยืดหยุ่นมากยิ่งขึ้น
ข้อกำหนดในการเดินทาง
ทางกลุ่มสายการบินลุฟท์ฮันซ่า ขอเรียนชี้แจงให้ทราบถึงข้อกำหนดกฎเกณฑ์การเดินทางที่ประกาศโดยรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทย ผู้โดยสารที่ได้รับอนุญาตให้สามารถเดินทางเข้าประเทศไทยได้ มีเงื่อนไขดังต่อไปนี้
ผู้มีสัญชาติไทย
ผู้มีเหตุยกเว้น โดยได้รับอนุญาตหรือเทียบเชิญจากนายกรัฐมนตรี หรือหัวหน้าเจ้าหน้าที่ราชการระดับสูง
นักการทูต และเจ้าหน้าที่องค์การระหว่างประเทศ
บุคคลในครอบครัวของผู้มีสัญชาติไทย
ผู้ไม่มีสัญชาติไทย ซึ่งมีใบสำคัญถิ่นที่อยู่ในประเทศไทย (Certificate of Residence Holders)
ผู้มีใบอนุญาตทำงานตามกฎหมาย
นักเรียน หรือนักศึกษา
บุคคลต่างชาติ ซึ่งมีความจำเป็นต้องเข้ามารับการตรวจรักษาพยาบาลในประเทศไทย
บุคคลต่างชาติตามข้อตกลงพิเศษ (Special Arrangement)
ผู้ไม่มีสัญชาติไทยที่ได้รับอนุญาตให้เดินทางเข้ามาในราชอาณาจักรตามข้อตกลงพิเศษกับต่างประเทศ หรือผู้ที่ได้รับอนุญาตจากนายกรัฐมนตรี อันได้แก่
ผู้ถือวีซ่าประเภทคนอยู่ชั่วคราวพิเศษ (สมาชิกบัตรเอกสิทธิ์พิเศษ Thailand Elite)
ผู้ถือวีซ่าประเภทคนอยู่ชั่วคราวเพื่อการพำนักอาศัยในประเทศไทยระยะยาว (Non-Immigrant รหัส O-A / O-X)
ผู้ถือบัตร APEC (สำหรับผู้ถือหนังสือเดินทางจาก 8 เขตเศรษฐกิจที่เดินทางมาจากเขตเศรษฐกิจของตนเอง ได้แก่ นิวซีแลนด์ ออสเตรเลีย สิงคโปร์ มาเลเซีย เกาหลีใต้ ญี่ปุ่น จีน และฮ่องกง)
ผู้ถือวีซ่าประเภทนักท่องเที่ยวพิเศษ (Special Tourist Visa: STV)
เริ่มตั้งแต่วันที่ 9 ตุลาคม 2563 เป็นต้นไป สำหรับผู้ถือวีซ่าพำนักอาศัยในประเทศไทยระยะสั้น (วีซ่าประเภทนักท่องเที่ยวรหัส TR สำหรับเข้าประเทศครั้งเดียว) และวีซ่าประเภทคนอยู่ชั่วคราว ประเภท B เพื่อการพำนักอาศัยในประเทศไทยระยะสั้น
ผู้โดยสารที่เดินทางเข้าประเทศไทย ต้องแสดงเอกสารประกอบดังต่อไปนี้
ใบรับรองแพทย์ที่ยืนยันว่ามีสุขภาพเหมาะสมต่อการเดินทางทางอากาศ (Fit-to-Fly health certificate) โดยการออกใบรับรองแพทย์ต้องมีระยะเวลาไม่เกิน 72 ชั่วโมง ก่อนออกเดินทาง
การตรวจหาเชื้อโควิด-19 (COVID-19) ด้วยวิธี RT-PCR โดยมีผลการตรวจเชื้อที่ระบุว่าเป็นลบ (negative) หรือ ปราศจากการติดเชื้อ โดยผลการตรวจต้องมีระยะเวลาไม่เกิน 72 ชั่วโมง ก่อนออกเดินทาง
จะต้องแสดงหนังสือรับรองว่าเป็นบุคคลที่เดินทางเข้ามาในราชอาณาจักรได้ (Certificate of Entry - COE) ณ เวลาที่เช็คอินกับสายการบิน ด่านตรวจคนเข้าเมือง ตลอดจนเจ้าหน้าที่สาธารณสุขเมื่อเดินทางมาถึงกรุงเทพฯ
วีซ่าที่ยังไม่หมดอายุ หรือ ใบอนุญาตเดินทางกลับเข้ามาในประเทศไทย (Re-Entry Permit)
โรงแรมหรือสถานที่กักกันเพื่อการเฝ้าระวังโรคโควิด-19 ที่รัฐกำหนด (Alternative State Quarantine: ASQ) โดยผู้เดินทางยืนยันการจองและชำระเงินเรียบร้อยแล้ว ณ วันที่เดินทางถึงกรุงเทพฯ
ผู้โดยสารสามารถเลือกสถานที่กักกันเพื่อการเฝ้าระวังโรคโควิด-19 ที่รัฐกำหนด (ASQ) ได้จากรายชื่อของสถานที่หรือโรงแรมที่ได้รับอนุมัติอย่างเป็นทางการผ่านทางเว็บไซต์ www.hsscovid.com
สายการบินในกลุ่มบริษัทลุฟท์ฮันซ่าขอแนะนำให้ลูกค้าตรวจสอบข้อมูลล่าสุดทางออนไลน์ได้ที่ https://lufthansa.travel-regulations.com สำหรับรายละเอียดต่าง ๆ ก่อนการจอง เช่นเดียวกับแหล่งข้อมูลจากช่องทางอื่น ๆ ที่เชื่อถือได้ เช่น สถานเอกอัครราชทูต หรือ สถานกงสุลไทยประจำประเทศต่าง ๆ และสำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย (กพท.) เป็นต้น