สายการบิน เฮโล อัดแคมเปญ ตุนเงินสด 1แสนบาทบินไม่จำกัดยังขายได้

           ตราบใดที่โลกยังคงต้องเผชิญกับโควิด-19 ไทยยังไม่เปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติได้ตามปกติ  การจะหวังพึ่งกำลังซื้อภายในประเทศของ สายการบินต่างๆของไทย จึงไม่เพียงพอ จากดีมานต์ที่มียังน้อย ทำให้ยังไม่สามารถบินได้ด้วยความถี่เท่าเดิม ทั้งข้อเรียกร้องขอสนับสนุนซอฟท์โลน 2.4 หมื่นล้านบาทจากภาครัฐ ไม่มีอะไรคืบหน้า 
        ดังนั้นนอกจากมาตรการลดค่าใช้จ่าย รวมถึงการขยายเวลาปรับลดภาษีสรรพสามิตน้ำมันแล้ว ขณะนี้สายการบินต่างๆของไทย ก็ดิ้นออกแคมเปญกระตุ้นกำลังซื้อ ตุนกระแสเงินสดในมือ ยืนระยะให้อยู่ได้นานที่สุดเพื่อฝ่าวิกฤตที่เกิดขึ้น ด้วยการขายบัตรโดยสารทั้งแบบไม่จำกัดจำนวนครั้ง รวมถึงการจัดโปรโมชั่นต่อเนื่องแทบทุกเดือน  เพื่อดึงเงินก้อน รวมถึงแผนหารายได้จากธุรกิจเกี่ยวเนื่อง ที่ไม่ใช่แค่การขายตั๋วเครื่องบิน  เพื่อรองรับการดำเนินธุรกิจในปีหน้า

        นายจุลิน กอเจริญ รองกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ฝ่ายขาย บริษัทก ารบินกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยกับ “ฐานเศรษฐกิจ” ว่า สายการบิน บางกอกแอร์เวย์ส อยู่ระหว่างการเปิดขายบัตรสมาชิก “บางกอก แอร์เวย์ส อีลิท การ์ด” (Bangkok Airways Elite Card) บินได้ทั้งปี ไม่จำกัดเที่ยวบิน ไม่จำกัดจำนวนครั้ง คิดค่าสมาชิก 1 แสนบาท (ราคายังไม่รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม 7%) เริ่มขายตั้งแต่วันที่ 1-30 พฤศจิกายน 2563 เดินทางได้ตลอดปี 2564 แม้เพิ่งเปิดขาย แต่ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี มีคนสนใจสมัครแล้วเกือบ 50 ราย

            การเปิดขายบัตรสมาชิก เป็นส่วนหนึ่งของการเพิ่มรายได้ให้สายการบิน ซึ่งกลุ่มเป้าหมายเราไม่ได้มองคนที่ซื้อตั๋วเครื่องบินเพื่อท่องเที่ยวทั่วไป แต่มองไปที่กลุ่มคนที่ทำธุรกิจ เพราะเป็นกลุ่มคนที่ต้องเดินทางประจำ และคนกลุ่มนี้ก็อาจจะเดินทางท่องเที่ยวในอนาคตก็ได้ ซึ่งเรามีฐานข้อมูลลูกค้า พบว่าก่อนโควิด-19 มีลูกค้าที่บินกับเราในรอบ 1 ปี มีเป็น 100 เที่ยวบิน และเป็นจำนวน 100 กว่าคน ที่บินเที่ยวบินในประเทศ ซึ่งเป็นทั้งลูกค้าที่พำนักไทย และคนที่เดินทางภายในประเทศ

            การขายบัตรสมาชิกก็จะคุ้มสำหรับคนที่ต้องเดินทางบ่อยๆอยู่แล้ว และยังได้สิทธิประโยชน์เพิ่มเติม เช่น เข้าใช้ห้องรับรองผู้โดยสาร บลู ริบบอน คลับ พร้อมบัตรสมนาคุณเข้าใช้บริการห้องรับรองผู้โดยสารบลู ริบบอน คลับ จากสิทธิประโยชน์ที่ให้ ก็มองว่าจะได้รับความสนใจจากลูกค้าเดิมที่ใช้บริการสายการบินอยู่แล้ว และกลุ่มลูกค้าใหม่                    

           นอกจากนี้สายการบินจะโฟกัสการหารายได้เสริมในปีหน้าเพิ่มขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการขายคูปองการใช้ห้องรับรอง (เลานจ์) ในชั้นธุรกิจ สำหรับลูกค้าที่ต้องการความสะดวกสบายเพิ่มขึ้น รวมไปถึงมองการขายสินค้าต่างๆ ที่เป็นเอกลักษณ์ของบางกอกแอร์เวย์ เช่น ข้าวต้มมัด ตุ๊กตาหมี ที่จะลิงก์จากเว็บไซต์ของสายการบิน เข้าสู่ลิงก์แพลตฟอร์มที่จะเปิดขายสินค้าเหล่านี้ในลักษณะดิลิเวอร์รี

       ในส่วนของสายการบิน ไทยแอร์เอเชีย นอกจากจะเป็นสายการบินแรก ที่เปิดขายตั๋วบินบุฟเฟ่ต์ “บินทั่วไทยไม่อั้น” ราคา 2,999 บาท เปิดขายไปเมื่อวันที่ 29 มิถุนายน-5 กรกฎาคม 2563 และเดินทางได้ถึงวันที่ 17 ธันวาคมนี้ จำกัดวันในการใช้สิทธิเดินทาง ซึ่งก็ขายไปกว่า 87,000 ใบ ก็มีรายได้เข้ามาในช่วงนั้นกว่า 260 ล้านบาท ล่าสุดสายการบินยังเน้นจัดโปรโมชันกระตุ้นตลาดต่อเนื่องทุก 2 สัปดาห์ อาทิโปรโมชันเริ่มต้น 99 บาท สำหรับการเดินทางในวันธรรมดา การให้ส่วนลดค่าตั๋วเครื่องบิน 40% เป็นต้น

      รวมถึงในปีหน้าสายการบินยังจะเน้นการขยายรายได้เสริม เน้นการขายบริการที่เกี่ยวเนื่องกับการท่องเที่ยวผ่าน www.airasia.com ที่จะเป็นมากกว่าแอร์ไลน์ แต่จะเน้นการขายบริการท่องเที่ยวอย่างครบวงจรเพิ่มมากขึ้น เพิ่มเติมจากปัจจุบันที่ขายใน 4 กิจกรรม คือ SNAP ขายตั๋วเครื่องบิน+โรงแรม ,ขายโรงแรมอย่างเดียว,ขายกิจกรรมท่องเที่ยวและขายดีลต่างๆ ซึ่งก็จะทำให้มีรายได้จากค่าคอมมิชชั่นจากธุรกิจเหล่านี้เข้ามาเพิ่มขึ้น เพราะไทยแอร์เอเชีย ไม่ได้ขายเฉพาะเส้นทางที่ทำการบินเท่านั้น แต่ยังขายให้กับสายการบินอื่นด้วย ผ่านพันธมิตรอย่าง Kiwi.com

            นางนันทพร โกมลสิทธิ์เวช ผู้อำนวยการฝ่ายการพาณิชย์ สายการบิน ไทยไลอ้อนแอร์ กล่าวว่า สายการบินอยู่ระหว่างออกแคมเปญครบรอบ 7 ปี ด้วยการมอบส่วนลดค่าตั๋วเครื่องบิน20-70% หลังการเปิดให้จองตั๋วตั้งแต่วันที่ 4-11 พฤศจิกายนที่ผ่านมา พบว่าได้รับการตอบรับที่ดี ทั้งยังจะเปิดขายเวาเชอร์ เพื่อดึงกระแสเงินสด ในลักษณะกำหนดจำนวนเที่ยวบิน เช่นจ่ายราคาเท่านี้ บินได้กี่เที่ยวบิน

         สายการบิน ไทยเวียตเจ็ท เปิดขายบัตรกำนัล “หาดใหญ่ พาส” ใน 2 เส้นทาง สุวรรณภูมิ-หาดใหญ่-สุวรรณภูมิ และเชียงราย-หาดใหญ่-เชียงราย โดยผู้ถือบัตรจะจองตั๋วได้ไม่จำกัดจำนวนครั้งภายในระยะเวลา 6 เดือน นับตั้งแต่ 16 พฤศจิกายน 2563 (ยกเว้นช่วงเทศกาล)เปิดขายวันที่ 1- 30 พฤศจิกายน 2563 ราคาใบละ 7,200 บาท (ไม่รวมภาษี ค่าธรรมเนียม)

       ในส่วนของ การบินไทย ส่วนใหญ่จะเน้นหารายได้เสริมจากธุรกิจเกี่ยวเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นการเพิ่มรายได้ของครัวการบิน ซึ่งนอกจากการขายปาท่องโก๋ ใน 7 สาขา สร้างรายได้เดือนละ 10 ล้านบาท การผลิตกระเป๋าจากชูชีพและผ้าใบยางหมดอายุ การจัดเที่ยวบินพิเศษบินวนไม่ลงจอดผ่าน 99 สถานที่ศักดิ์สิทธิ์ใน 31 จังหวัด การขยายคาร์โก้
         ทำให้ในเดือนกันยายนที่ผ่านมา การบินไทยมีรายได้ขยับขึ้นมาจากเดือนละ500-600 ล้านบาทมาเป็นราว 1 พันล้านบาทต่อเดือน แม้เทียบไม่ได้กับรายได้ก่อนเกิดโควิดที่อยู่ที่ราว 1 หมื่นล้านบาท แต่ก็เป็นรายได้ที่พอเข้ามาบ้างระหว่างการทำแผนฟื้นฟูกิจการที่จะเกิดขึ้น

       รวมทั้งยังมีแผนหารายได้เสริมต่อเนื่องล่าสุดก็เปิดให้บริการภัตตาคารการบินไทยเป็นบริการทุกวัน รวมถึงจะขยายกำลังผลิตปาท่องโก๋ การบินไทย เพิ่มจาก 2 หมื่นตัวต่อวันเป็น 4 หมื่นตัวต่อวัน ก็เตรียมจะการ ขายเฟรนไชส์ปาท่องโก๋ เปิดลานไวน์รับลมหนาวที่สำนักงานใหญ่การบินไทย การเปิดให้เช่าอาคารสำนักงานที่ไม่ได้ใช้ประโยชน์ เป็นต้น

อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
การบินไทย ไตรมาส3/63 ขาดทุน บักโกรก 2.15 หมื่นล้านบาท9เดือนเฉียด5หมื่นล้าน
AAV กลับมาเปิดบินในประเทศ96% แล้วแม้Q3 ขาดทุน 1.83 พันล้าน
“ไทยเวียตเจ็ท” ยืนหนึ่ง ขยายธุรกิจโตสวนโควิด
“บางกอกแอร์เวย์ส” ลดคน จ่ายสูงสุด 20 เดือนจูงใจพนักงานสมัครใจลาออก
"ไทยไลอ้อนแอร์ " เลิกจ้างนักบิน-ลูกเรือ เพิ่มอีก 248 คน
"การบินไทย" หนุน "ไทยสมายล์" บุกบินในประเทศรุกเปิด 4 จุดบินใหม่