เปิดจม.สภาพัฒน์ ฉบับ 2 ค้าน! เทอร์มินัล 2 ตัดแปะแต่ ทอท.เดินหน้าก่อสร้าง

24 พ.ย. 2563 | 03:04 น.
อัปเดตล่าสุด :24 พ.ย. 2563 | 12:56 น.

“สามารถ ราชพลสิทธิ์” เปิดจดหมายสภาพัฒน์ ฉบับ 2 ค้านโครงการเทอร์มินัล 2 ตัดแปะ แต่ทอท.เมินจะเดินหน้าสร้างให้ได้ ขณะที่ "ศักดิ์สยาม ชิดชอบ" หนุนสร้างเต็มสูบ

สามารถ ราชพลสิทธิ์ โพสต์เฟซบุ๊กย้ำ อยากรู้ว่าเนื้อหาในจดหมายฉบับที่ 2 ของสภาพัฒน์ที่ค้านเทอร์มินัล 2 ตัดแปะ เป็นอย่างไร และทำไมจึงไม่สามารถเบรก ทอท.ได้ มาติดตามและช่วยกันค้นหาคำตอบ

หลังจากสภาพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ หรือสภาพัฒน์มีมติค้านการก่อสร้างเทอร์มินัล 2 ตัดแปะ หรือส่วนต่อขยายด้านทิศเหนือในสนามบินสุวรรณภูมิ ครั้งที่ 1 เมื่อวันที่ 19 ธันวาคม 2561 และได้มีหนังสือลงวันที่ 16 มกราคม 2562 ถึงกระทรวงคมนาคมเพื่อแจ้งบริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ ทอท.ต่อไป แต่ ทอท.ก็ไม่ลดละความพยายาม โดยได้ขอให้สภาพัฒน์พิจารณาใหม่อีกครั้ง

ในที่สุดสภาพัฒน์ได้มีมติค้านเป็นครั้งที่ 2 เมื่อวันที่ 7 ตุลาคม 2563 และได้มีหนังสือลงวันที่ 29 ตุลาคม 2563 ถึงกระทรวงคมนาคมเพื่อแจ้ง ทอท.ต่อไป แต่ดูเหมือนว่าไม่สามารถหยุดยั้ง ทอท.ได้ ส่วนต่อขยายด้านทิศเหนือยังคงอยู่ในแผนงานก่อสร้างของ ทอท.

สามารถ ราชพลสิทธิ์

เนื้อหาในหนังสือของสภาพัฒน์ฉบับที่ 2 สรุปได้ดังนี้

 

1. ที่ตั้งของส่วนขยายด้านทิศเหนือจะต้องลงทุนเพิ่มเติมเพื่อพัฒนาสิ่งอำนวยความสะดวกในการเชื่อมโยงกับเทอร์มินัล 1 ที่ใช้อยู่ในปัจจุบัน และอาคารเทียบเครื่องบินรองหลังที่ 1 เช่นรถไฟฟ้าไร้คนขับหรือเอพีเอ็ม และระบบลำเลียงกระเป๋าสัมภาระผู้โดยสาร เป็นต้น ทำให้ผู้โดยสารจะต้องมีขั้นตอนและระยะเวลาในการเดินทางเพิ่มขึ้น เมื่อเปรียบเทียบกับการขยายเทอร์มินัล 1 ด้านทิศตะวันออกและตะวันตก จะไม่มีการลงทุนในระบบดังกล่าว ทำให้วงเงินค่าก่อสร้างต่ำกว่า แต่สามารถรองรับผู้โดยสารได้เพิ่มขึ้น 30 ล้านคนต่อปีเช่นเดียวกับส่วนต่อขยายด้านทิศเหนือ ซึ่ง ทอท.อ้างว่าจะสามารถรองรับผู้โดยสารได้เพิ่มขึ้น 30 ล้านคนต่อปี

2. จากการพิจารณาแนวโน้มฐานะทางการเงินของ ทอท. ระหว่างปี 2563-2576 พบว่าหากมีการก่อสร้างส่วนต่อขยายด้านทิศเหนือ ทอท.อาจขาดสภาพคล่องทางการเงินระหว่างปี 2565-2567 ซึ่งในช่วงเวลาดังกล่าว ทอท.อาจต้องลงทุนเพิ่มเติมเพื่อพัฒนาสนามบินอื่น เช่น สนามบินดอนเมือง และสนามบินเชียงใหม่ เป็นต้น ทำให้ ทอท.ต้องหาแหล่งเงินทุนเพิ่มเติมเพื่อเสริมสภาพคล่องในการลงทุนก่อสร้างส่วนต่อขยายด้านทิศเหนือ

อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง

"ศักดิ์สยาม"หนุนทอท.สร้างนอร์ทเทอร์มินัล 4.2หมื่นล.ขยายสนามบินสุวรรณภูมิ
ทอท.ปรับแผนซ่อมรันเวย์ สนามบินสุวรรณภูมิ ลดเหลือ2ปี
ทอท. เผยโฉม อาคารเทียบเครื่องบินรองหลังที่ 1 ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ

 

3. สถานการณ์การระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือ  โควิด-19 ทำให้ผู้โดยสารทางอากาศลดลงอย่างมาก องค์การการบินพลเรือนระหว่างประเทศ (ICAO) และสมาคมขนส่งทางอากาศระหว่างประเทศ (IATA) คาดการณ์ว่าจำนวนผู้โดยสารทั่วโลกในปี 2563 ลดลงจากปี 2562 ประมาณ 50-60% และจะกลับมามีจำนวนเท่ากับระดับเดิม (ปี 2562) ได้ในปี 2567

ในขณะที่การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ยังคงมีความไม่แน่นอนสูง การลงทุนพัฒนาจะต้องเป็นไปอย่างระมัดระวังรอบคอบเพื่อไม่ให้เกิดการลงทุนที่เกินจำเป็นในอนาคต ดังนั้น สภาพัฒน์จึงไม่เห็นด้วยที่จะยกเว้นงานขยายเทอร์มินัล 1 ด้านทิศตะวันออก ซึ่งใช้เงินลงทุนต่ำกว่า แต่ ทอท.ควรเร่งดำเนินงานตามมติ ครม.เมื่อวันที่ 24 สิงหาคม 2553 เนื่องจากมีความพร้อมในการดำเนินงานได้ทันที และจะส่งผลกระทบต่อผู้โดยสารน้อย เพราะเป็นการดำเนินการในช่วงเวลาที่มีผู้โดยสารชะลอตัว

เปิดจม.สภาพัฒน์ ฉบับ 2 ค้าน! เทอร์มินัล 2 ตัดแปะแต่ ทอท.เดินหน้าก่อสร้าง

สรุปได้ว่าสภาพัฒน์มีความเห็นให้ ทอท.เร่งขยายเทอร์มินัล 1 แทนการก่อสร้างส่วนต่อขยายด้านทิศเหนือ

แต่อย่างไรก็ตาม ทอท.ยังคงมุ่งมั่นที่จะก่อสร้างส่วนต่อขยายด้านทิศเหนือให้ได้ โดยอาจขอให้สภาพัฒน์พิจารณาใหม่อีกครั้ง ซึ่งผมเห็นว่าคงเป็นเรื่องยากที่สภาพัฒน์จะเปลี่ยนใจหาก ทอท.ไม่สามารถชี้แจงแสดงเหตุผลพร้อมด้วยรายการคำนวณและแบบจำลองเสมือนจริง (Simulation) ให้เป็นที่ประจักษ์ว่าการก่อสร้างส่วนต่อขยายด้านทิศเหนือดีกว่าการขยายเทอรมินัล 1 จริง และสามารถรองรับผู้โดยสารได้เพิ่มขึ้น 30 ล้านคนจริง คงไม่มีใครสั่งสภาพัฒน์ได้ แต่เหตุใด ทอท.จึงไม่ยอมแพ้ มีอะไรดีหนอ ใครบอกได้บ้าง?

ข้อสงสัยและข้อสังเกตดังกล่าวข้างต้นจึงเป็นข้อกังขาที่ผมและประชาชนทุกคนชอบที่จะต้องขอคำชี้แจงให้สิ้นสงสัยจากหน่วยงานที่รับผิดชอบโดยตรง ทั้งนี้ก็เพื่อปกป้องผลประโยชน์ของประเทศชาติและประชาชน ด้วยเจตนาที่จะให้ประชาชนได้รับประโยชน์จากสนามบินสุวรรณภูมิอย่างเต็มที่ โดยปราศจากข้อสงสัยใดๆ ทั้งสิ้นเท่านั้นเอง

 

 

      ด้านนายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมย้ำความจำเป็นในการขยายพื้นที่ให้บริการของสนามบินสุวรรณภูมิ ( ทสภ.)ในส่วนของส่วนต่อขยายด้านทิศเหนือ (North Expansion)
        นอกเหนือจากการก่อสร้างโครงการในปัจจุบันทอท. จะเร่งรัดการดำเนินงานพัฒนาอาคารผู้โดยสาร ส่วนต่อขยายด้านทิศเหนือ (นอร์ทเทอร์มินัล) ตามแผนการพัฒนา ทสภ.ซึ่งได้รับความเห็นชอบจากกระทรวงคมนาคม โดยทอท.จะเร่งดำเนินการสร้างความเข้าใจถึงเหตุผลความจำเป็นในการก่อสร้าง และนำเสนอข้อมูลต่อคณะกรรมการ สภาพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เพื่อให้ทบทวนมติ ให้ความเห็นชอบในการดำเนินการ เพื่อเสนอต่อคณะรัฐมนตรีต่อไป
         การก่อสร้าง North Expansion จะเป็นตัวหลักสำคัญในการรองรับการเดินทางของผู้โดยสารที่จะกลับมาฟื้นตัวในปี 2565 ด้วยการบริหารจัดการท่าอากาศยานตามมาตรการสาธารณสุขในการเตรียมพื้นที่รองรับการเว้นระยะห่างทางสังคม (Social Distancing) ดังนั้น การก่อสร้าง North Expansion ที่จะมีพื้นที่อาคารผู้โดยสาร เพิ่มอีก 170,000 ตารางเมตร และพื้นที่ส่วนอาคารเทียบเครื่องบิน (Airside) อีก 125,000 ตารางเมตร มีพื้นที่เพิ่มสำหรับทั้งจุดตรวจลงตราคนเข้าเมือง (ตม.) และช่องตรวจค้นผู้โดยสาร รวมทั้งเพิ่มหลุมจอดประชิดอาคารอีก 14 หลุม จะช่วยให้ ทสภ.รองรับการเดินทางของผู้โดยสารได้อย่างสะดวกและปลอดภัย

      เมื่อเปรียบเทียบกับการก่อสร้างส่วนต่อขยายด้านตะวันออก (East Expansion) ซึ่งจะเพิ่มเพียงพื้นที่อาคารผู้โดยสาร 66,000 ตารางเมตร ไม่เพียงพอต่อการรองรับผู้โดยสารแบบวิถีใหม่การเดินทาง (Transport New Normal) กล่าวคือ ไม่มีถนนหน้าอาคารเพิ่ม ไม่เพิ่มพื้นที่จุดตรวจ ตม. ไม่เพิ่มพื้นที่พักคอยภายในอาคารเทียบเครื่องบิน ไม่มีหลุมจอดประชิดอาคารเพิ่ม ผู้โดยสารต้องใช้ Bus Gate ทำให้ไม่ได้รับความสะดวก จึงไม่ตอบโจทย์ความต้องการเดินทางของประชาชนในระยะยาว

   ดังนั้นการลงทุน 42,000 ล้านบาท เพื่อก่อสร้างส่วนต่อขยายด้านทิศเหนือ จะช่วยแก้ปัญหาความแออัดในอาคารผู้โดยสารแห่งที่ 1 ทำให้ ทสภ.มีความยืดหยุ่นในการให้บริการมากขึ้น เพิ่มขีดความสามารถในการรองรับผู้โดยสารได้ถึง 90 ล้านคน ซึ่งหากเริ่มดำเนินการในต้นปี 2564 จะแล้วเสร็จในปี 2567 ทันต่อสถานการณ์ในการรองรับผู้โดยสารที่จะกลับสู่การเดินทางอย่างเต็มรูปแบบในอนาคต