ในปีนี้รัฐบาลส่งสัญญาณถึงความพยายามที่จะเปิดประเทศรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ โดยตั้งแต่วันที่ 1 เมษายนนี้ นอกจากไทยมีการลดจำนวนวันกักตัวลงแล้ว ในพื้นที่เป้าหมาย 7 จังหวัด ได้แก่ ภูเก็ต กระบี่ พังงา สุราษฏร์ธานี (เกาะสมุย เกาะเต่า เกาะพะงัน) ชลบุรี(พัทยา) เชียงใหม่ กทม. ยังมีการมองถึงการไม่กักตัวนักท่องเที่ยว ตั้งแต่เดือนตุลาคม 2564 สำหรับกลุ่มประเทศเป้าหมายที่มีความเสียงต่ำ เช่น เยอรมัน, อิตาลี, อังกฤษ, สหรัฐ อเมริกา, จีน, ญี่ปุ่น, เกาหลีใต้, อินเดียและประเทศที่มีความเสี่ยงปานกลาง
นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ย้ำว่าขณะนี้กระทรวงฯอยู่ระหว่างวางไทม์ไลน์ของการเปิดประเทศรับนักท่องเที่ยวต่างชาติในลักษณะ Open System ทั้งการลดจำนวนวันกักตัวนักท่องเที่ยวจะเริ่มตั้งแต่วันที่ 1 เม.ย.2564 โดยนักท่องเที่ยวที่เข้าพักในโรงแรมที่เข้าร่วมโครงการ Area Quarantine ที่ผ่านเกณฑ์
ถ้าเป็นนักท่องเที่ยวที่ได้รับวัคซีนแล้ว 2 โดสจะกักตัวอยู่ในภายในโรงแรม 7 วัน ถ้าไม่ได้รับวัคซีนจะกักตัว 10 วัน ยกเว้นผู้ที่เดินทางมาจากแอฟริกาใต้ยังต้องกักตัว 14 วันเท่าเดิม ซึ่งไม่จำเป็นต้องกักตัวอยู่แต่ในห้องพัก แต่สามารถใช้ชีวิตในโรงแรมได้โดยมีการควบคุมกิจกรรมต่างๆก็จะช่วยผ่อนคลายให้นักท่องเที่ยวได้ระดับหนึ่ง โดยในขณะนี้มีโรงแรมแสดงความสนใจเข้าร่วมโครงการ Area Quarantine แล้วกว่า 2,752 ห้อง
ไปจนถึงสิ้นปีที่จะทำในลักษณะที่เรียกว่าแซนด์บ็อกซ์ Sandbox คือจะเป็นการเจรจาระหว่างไทยกับประเทศต่างๆ ในลักษณะเมืองต่อเมือง จังหวัดต่อจังหวัด หรือเกาะต่อเกาะ เพื่อทำ Travel bubble ระหว่างกัน เพื่อดึงนักท่องเที่ยวที่ฉีดวัคซีนโควิด-19 แล้วเข้าไทย แต่จะใช้มาตรการป้องกันควบคู่กัน เช่น วัคซีน Certificate- ระบบติดตามตัว ซึ่งจะมีการนำเสนอต่อที่ประชุมศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (ศบค.) อีกครั้งในวันที่ 19 มี.ค.นี้
“การทำเรื่อง Area Quarantine ไปจนถึงการเปิดประเทศรับต่างชาติแบบไม่กักตัว จะทำได้ตามแผนต้องอยู่ภายใต้เงื่อนไขประชากรในพื้นที่ต้องได้รับการฉีดวัคซีนโควิด-19 แล้วกว่า 70% ควบคู่กับการที่บุคคลากรด้านการท่องเที่ยวที่เข้าร่วม Area Quarantine จะได้รับการฉีดวัคซีน”
เฉพาะในส่วนของบุคลากรท่องเที่ยวที่ร่วม Area Quarantine เบื้องต้นมีการขอฉีดวัคซีนไว้ให้ที่ภูเก็ตแล้ว 1 หมื่นคน และต่อไปก็จะขอให้จังหวัดเป้าหมายที่จะนำร่องใน 6 จังหวัดแรกก่อน คือภูเก็ต กระบี่ สุราษฏร์ธานี(เกาะสมุย เกาะเต่า เกาะพะงัน) ชลบุรี(พัทยา-จอมเทียน) เชียงใหม่ จังหวัดละ 1 หมื่นคน และจะเพิ่มที่ พังงา (เขาหลัก) ขึ้นมาอีก เนื่องจากได้รับการเรียกร้องจากนักท่องเที่ยวที่อยากเดินทางเข้ามา
ส่วนการทำ Sandbox ตามไทม์ไลน์ที่รัฐวางไว้ว่าจะเป็นช่วงตั้งแต่ต.ค.นี้ แต่กระทรวงการท่องเที่ยวฯ จะหารือเพิ่มเติม เพื่อเร่งให้เปิดรับต่างชาติเร็วขึ้นเป็นเดือนก.ค. หรือส.ค.นี้ โดยขณะนี้ได้หารือกับ 3 เมืองท่องเที่ยวอันดามัน ได้แก่ ภูเก็ต กระบี่ พังงา ที่ทั้ง 3 เมืองต้องไปกำหนดพื้นที่ ที่จะทำ Travel bubble กับประเทศที่มีความเสี่ยงต่ำและความเสี่ยงกลาง
การไม่ต้องกักตัวต้องสัมพันธ์กับวัคซีนที่พื้นที่จะต้องได้รับด้วย ซึ่งผมจะหารือกับกระทรวงสาธารณสุขถึงการขอวัคซีนให้ทาง 3 จังหวัดอันดามัน เพื่อให้ประชากร 70% ได้รับการฉีดวัคซีน โดยภูเก็ตมีความเป็นไปได้ที่จะดำเนินการในลักษณะนี้ได้เป็นจังหวัดแรก เพราะกระทรวงท่องเที่ยวจะหารือกับกระทรวงสาธารณสุขในสเต็ปต่อไปที่จะขอให้มีการฉีดวัคซีนให้คนภูเก็ตให้ได้ 70% ของประชากรก่อนเพื่อเปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติได้ก่อน
การทำ Sandbox ไม่ใช่แค่การเดินทางมาเที่ยวไทยเท่านั้น แต่นักท่องเที่ยวไทยดังกล่าว ก็สามารถเดินทางเข้าไปในพื้นที่ของเมืองหรือจังหวัดที่มีการทำ bubble ร่วมกันโดยไม่ต้องถูกกักตัวด้วยเช่นกัน
“การที่เราโฟกัสที่ 3 จังหวัดอันดามันก่อน เนื่องจากทั้ง 3 จังหวัดนี้มีรายได้จากการท่องเที่ยวรวมกันมากถึง 6 แสนล้านบาท เป็น 1 ใน5 ของรายได้จากการท่องเที่ยวในปี62 หรือคิดเป็นกว่า 20% โดยภูเก็ต 4.7 แสนล้านบาท กระบี่ 1 แสนกว่าล้านบาท และพังงา 4.5 หมื่นล้านบาท” นายพิพัฒน์ กล่าวทิ้งท้าย
นายณรงค์ วุ่นซิ้ว ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต กล่าวว่า จังหวัดภูเก็ต มีความพร้อมในการเปิดรับนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ แต่การเปิด Quarantine ในหลายรูปแบบแต่ยังต้องกักตัวอยู่ 14 วัน ทำให้มีนักท่องเที่ยวเข้ามาเพียง 200 กว่าคนเท่านั้น จากปีหนึ่งมีนักท่องเที่ยว 10 ล้านคน ทำให้ภูเก็ตกระทบหนักมาก ระยะสั้นตั้งแต่มี.ค.-ก.ย.เราเน้นตลาดในประเทศ ตั้งแต่ 1 ต.ค.นี้จะเป็นการรุกตลาดต่างประเทศเต็มตัว เพราะถ้าภูเก็ตรอดประเทศก็รอดด้วย
ทั้งนี้ในระยะแรกภูเก็ตมีแผนฉีดวัคซีนโควิด-19 จำนวน 68,000 โดส (34,000 คน) ตั้งแต่มี.ค.-พ.ค.นี้ และคาดหวังว่าทั้งภูเก็ตจะปลอดภัยจากโควิด เมื่อฉีดวัคซีนครบ 70% ของประชากรทั้งหมดที่มีอยู่ 410,000 คน
ที่มา : หน้า 1 ฐานเศรษฐกิจ ฉบับที่ 3,661 วันที่ 14 - 17 มีนาคม พ.ศ. 2564