นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กล่าวถึงการจัดเทศกาลสงกรานต์ปี 2564 ซึ่งรัฐบาลประกาศให้เป็นวันหยุดยาว เพื่อใช้โอกาสนี้กระตุ้นการเดินทางท่องเที่ยวภายในประเทศ กระจายรายได้ไปสู่ชุมชน และผู้ประกอบการธุรกิจท่องเที่ยว นอกจากนี้ ตามที่ศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (ศบค.) ได้ประกาศให้การจัดเทศกาลสงกรานต์ในทุกจังหวัดทั่วประเทศ อยู่ในรูปแบบการสืบสานวัฒนธรรมประเพณีสงกรานต์ซึ่งเป็นเอกลักษณ์ของแต่ละพื้นที่
ดังนั้นสงกรานต์ทั่วประเทศในปี 2564 นี้ จะเน้นการนำเสนอคุณค่าของวัฒนธรรมท้องถิ่น สร้างประสบการณ์ด้านการท่องเที่ยววิถีใหม่ พร้อมควบคุมมาตรการด้านสาธารณสุขเพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
นายยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) กล่าวว่า งานเทศกาล “สงกรานต์ ริน รด พรม ใส่หน้ากาก ไม่สาดน้ำ Amazing ยิ่งกว่าเดิม” จะจัดขึ้นในวันที่ 13-15 เมษายน 2564 ณ ลานกิจกรรม รถไฟฟ้าแอร์พอร์ต เรล ลิ้งค์ (สถานีมักกะสัน) กรุงเทพมหานคร โดยเน้นแนวทาง “ปลอดภัย ประเพณี ประหยัด” นำวัฒนธรรมผสมผสานกับ วิถีไทย วิถีถิ่น ศิลปวัฒนธรรม มาชูเป็นจุดเด่นในการจัดกิจกรรมร่วมกับการควบคุมมาตรการทางสาธารณสุขที่เข้มงวด
ภายในงานจะได้พบกับการจำลองบรรยากาศเทศกาลสงกรานต์แบบศิลปวัฒนธรรมท้องถิ่น การจำหน่ายอาหารชาววัง อาหารที่หารับประทานทานยาก และอาหารที่นิยมทานในช่วงเทศกาลสงกรานต์ อาทิ ส้มฉุน มะยงชิดริ้วลอยแก้ว ปลาแห้งแตงโม
การจำหน่ายผลิตภัณฑ์ชุมชนท้องถิ่น และการแสดงวัฒนธรรมและการแสดงดนตรี อาทิ โขน หนังใหญ่ หุ่นกระบอก และดนตรีร่วมสมัย พร้อมรณรงค์ให้นักท่องเที่ยวมีส่วนร่วม “สงกรานต์แต่งดอก ออกเที่ยว แต่งไทยไปเที่ยวสงกรานต์”
นอกจากนี้ ททท. ยังได้สนับสนุนการจัดงานเทศกาลสงกรานต์ในพื้นที่เอกลักษณ์ทั่วประเทศ ได้แก่
พร้อมสนับสนุนการจัดประเพณีสงกรานต์ให้แก่พันธมิตรภาคเอกชน อาทิ ศูนย์การค้าไอคอนสยาม ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเอ็มบาสซี และเทศกาลวิถีน้ำ...วิถีไทย ครั้งที่ 6 โดย บริษัท ทศภาค จำกัด อีกทั้ง บริษัท เรกคิทท์เบนคีเซอร์ (ประเทศไทย) จำกัด ได้มอบผลิตเดทตอล จำนวน 200,000 ชิ้น ให้แก่พื้นที่จัดงานฯ เพื่อสร้างมาตรฐานสุขอนามัยที่ดีในการจัดเทศกาลสงกรานต์
ทั้งนี้ ททท. คาดการณ์ว่า ในช่วงเทศกาลสงกรานต์ปี 2564 ซึ่งเป็นวันหยุดยาว 6 วัน (วันที่ 10-15 เมษายน 2564) จะคึกคักมากกว่าช่วงวันหยุดตรุษจีนและวันมาฆบูชาที่ผ่านมา เนื่องจากเป็นช่วงที่คนไทยเดินทางกลับไปยังภูมิลำเนาเพื่อร่วมประเพณีสงกรานต์ เยี่ยมญาติ และถือโอกาสเดินทางท่องเที่ยวไปพร้อมกัน กอปรกับแรงหนุนจากมาตรการต่างๆ ของภาครัฐ
เช่น "เราเที่ยวด้วยกัน" "เราชนะ" จะส่งผลให้มีคนไทยเดินทางท่องเที่ยวภายในประเทศประมาณ 3.20 ล้านคน-ครั้ง และสร้างรายได้หมุนเวียนในพื้นที่ประมาณ 12,000 ล้านบาท
ข่าวที่เกี่ยวข้อง :