.....ปั่นป่วนตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมา หลังโรงแรมทั่วประเทศทยอยปิดบริการชั่วคราว ไม่มีแขกเข้าพัก แต่ปัญหา “คาใจ” อยู่ที่ เรื่องการจ่ายชดเชยประกันสังคมให้กับลูกจ้างโรงแรม ก่อนหน้านั้นสมาคมโรงแรมไทย วิ่งขาหวิดหารือกับกระทรวงแรงงานฯ มาหลายยก แต่ประกันสังคม “ยืนกราน” ว่าไม่เข้าเงื่อนไขไม่ใช่ปิดโรงแรมโดย “เหตุสุดวิสัย” เพราะรัฐบาลไม่ได้สั่งปิด
.....สัปดาห์ที่ผ่านมาจึงเห็น ผู้ว่าราชการแต่ละจังหวัดออกมาทยอยประกาศสั่งปิดโรงแรม ปิดเกาะ ในหัวเมืองท่องเที่ยวหลักทั่วประเทศ หลังจากเจ้าของโรงแรมแต่ละพื้นที่ วิ่งไป “กดดัน” ขอร้องให้ผู้ว่าฯ ประกาศสั่งปิด เพื่อให้ลูกจ้างเข้าเงื่อนไขรับเงินชดเชยประกันสังคม ประทังชีวิตไปก่อนช่วงปิดบริการชั่วคราว เพราะเจ้าของโรงแรมขาดกระแสเงินสดอย่างแรง จาก “พิษโควิด” ก่อนหน้านั้นมาตลอด 3 เดือน กระทั่งสายป่าน “ขาดสะบั้น” สิ้นเดือนมีนาคม และทยอยประกาศปิดโรงแรมในเดือนเมษายน หลังอัตราการเข้าพักหายไป 100%
.....โรงแรมของบรรดา เจ้าสัว-เชนอินเตอร์ โรงแรมใหญ่ๆ นำร่องปิดไปตั้งแต่ปลายเดือนมีนาคมไม่ว่าจะเป็นกลุ่ม AWC ของ “ทายาทเจ้าสัวเจริญ สิริวัฒนภักดี” ประกาศปิดโรงแรมห้าดาวกลางกรุง 5 แห่งไปตั้งแต่ปลายมีนาคมพร้อมจ่ายเงินเดือนลูกจ้าง 2 พันคนเต็มร้อยเปอร์เซ็นต์ ของค่าจ้างให้พนักงานอยู่บ้าน work from home ลดเสี่ยงโควิด-19 “เจ้าสัวจิราธิวัฒน์” ทยอยปิด 28 โรงแรมตั้งแต่ต้นเมษายน แชงกรีลา ริมแม่น้ำเจ้าพระยา ปิดพร้อมจ่ายตามก.ม.แรงงาน กลุ่ม U ซิตี้ของ “เจ้าสัว-คีรี กาญจนพาสน์” ปิด 11 โรงแรมในกลุ่ม บัดเจ็ทโฮเต็ล “บีทู” ปิด 28 โรงแรม หรือแม้แต่ โรงแรมเก่าอย่าง เอเชีย ก็ปิดชั่วคราวแล้ว แต่ยังขายอาหาร ตระกูล “เตชะไพบูลย์” ปิดรีเจ้นท์ชะอำ โรงแรมใหญ่ไม่มีปัญหาเรื่องค่าจ้าง เพราะเงินทุนหนา ไม่มีปัญหายังเก็บพนักงานเอาไว้ไม่มีการเลิกจ้าง
.....แต่ปัญหาคือโรงแรมขนาดเล็ก (SME) ที่ขาดกระแสเงินสดรุนแรงต้องปิดชั่วคราวจึงต้องการพึ่งพาประกันสังคมเข้ามาเยียวยา ก่อนหน้านั้น สมาคมโรงแรมไทย จึงออกมาเรียกร้องรัฐบาลผ่านช่องทางต่างๆ ทั้งส่งจดหมายถึง “หม่อมเต่า-ม.ร.ว. จตุมงคล โสณกุล” รมว.กระทรวงแรงงานฯ, นายกรัฐมนตรีในฐานะหัวหน้าศูนย์โควิด และ “กลินท์ สารสิน” ประธานสภาหอการค้าไทย ก็ออกมาช่วยอีกแรงทำหนังสือส่งตรงถึงมือ “นายกฯ” เมื่อต้นเดือนเมษายน ส่วนภาคเอกชนในแต่ละจังหวัดก็ดิ้นรนกันเอง ขอให้ผู้ว่าฯ ประกาศปิด ซึ่งล่าสุด (6 เม.ย.) มีการประกาศปิดไปแล้ว 12 จังหวัด ล่าสุดปิดโรงแรมโคราช และประจวบคีรีขันธ์ ก็เท่ากับปิดไปเกือบครึ่งประเทศ
.....แต่ก็ยังเหลืออีกบาน ทั้งเชียงราย เชียงใหม่ กทม.ที่มีโรงแรมมากที่สุด ก่อนหน้านั้น คนในวงการโรงแรมจึงเดือดหนัก! ถึงขั้นติดแฮชแท็กจะไม่จ่ายประกันสังคมอีกต่อไป ซึ่งก็ต้องเข้าใจอารมณ์ เพราะเงินประกันสังคมคือเงินสมทบที่ลูกจ้างจ่ายไม่ใช่แบมือขอจากรัฐบาลเปล่าๆ เสียเมื่อไร จึงเกิดอาการ “paranoid” เมื่อเทียบกับการที่รัฐบาลใส่พานจ่าย 5,000 บาท ให้คนตกงาน-ว่างงานจากโควิดช่วงนี้ 3-6 เดือน เพียงแค่ลงทะเบียน
.....แต่ยามที่เศรษฐกิจตกต่ำ รัฐก็หันมาพึ่งพาการท่องเที่ยวให้เป็น “พระเอก” แต่ยามที่พระเอก ที่เคยทำเม็ดเงินรายได้จากการท่องเที่ยวปีละ 3 ล้านล้านบาท กำลังจะตาย กลับ “นิ่งเฉย” เหมือนไม่มีตัวตน ปล่อยให้เอกชนออกมาเรียกร้องผ่านสื่อ ผ่านโซเชียล ซึ่งขนาดร้องกันระงมกันทั้งประเทศก็ยังไม่เห็นมีปฏิกิริยาใดๆ จากรัฐบาลในเรื่องนี้
.....ที่อยากจะให้ดูก็คือสถิติจำนวนโรงแรมทั่วประเทศที่จดทะเบียนถูกต้องตามก.ม.ล่าสุด มีโรงแรมอยู่ “32,564 แห่ง” มีจำนวนห้องพัก ทั้งหมด 1,254,168 ห้องพัก มีพนักงานโรงแรมทั้งหมด 1,630,419 คน และถ้ารวมโรงแรมผิดก.ม. ซี่งคาดว่ามีอยู่อีกเท่าตัว ประเมินต่อห้องพัก 1 ห้องใช้พนักงาน 1.2-1.3 คน ก็เท่ากับมีคนทำงานโรงแรมอยู่ราว “3 ล้านคน” ที่จะว่างงานลง ลองคิดดูประกันสังคมช่วยตอนนี้ก็ยังได้ “กล่อง” และถือเป็นผลงาน “ชิ้นโบว์แดง”
.....แต่หากนิ่งเฉยก็อาจจะเจอ “ก้อนอิฐ” และในที่สุดหากรัฐบาลกลับลำทัน เลือกทางถูก ข่าวล่ามาเร็วรมต.ท่องเที่ยว "พิพัฒน์ รัชกิจประการ" ออกมายืนยันชัดว่า ที่ประชุมครม.วันที่ 7 เมษายนเห็นด้วยในหลักการ ทั้งโรงแรมที่ปิดเองหรือสั่งปิดโดยรัฐบาล เข้าข่ายปิดด้วย "เหตุสุดวิสัย" ได้รับเงินชดเชยประกันสังคมทุกคนจร้า งานนี้ เลยได้ “ดอกไม้” แทนก้อนอิฐ ยินดีกับคนโรงแรม แม้ที่ผ่านมาจะออกแรงแยะไปหน่อยก็ตาม !!