คำสั่งย้าย พล.ต.ต.ปภัชเดช เกตุพันธ์ ผู้บังคับการตำรวจภูธร จ.ระยอง ไปปฏิบัติราชการที่ศูนย์ปฏิบัติการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดยขาดจากการปฏิบัติหน้าที่ในตำแหน่งเดิม และแต่งตั้ง พล.ต.ต.มานะ อินพิทักษ์ รองผู้บัญชาการตำรวจภูธร ภาค 2 ขึ้นรักษาราชการแทนผู้บังคับการตำรวจภูธร จ.ระยอง ของ “บิ๊กปั้ด” พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เป็นเพียงการ “เชือดไก่ให้ลิงดู” เท่านั้น
แต่กระบวนการจัดการล้างขบวนการ “เห็นแก่ตัว” รับเงินส่วยจากการเปิดบ่อนการพนันใน จ.ระยอง จนเป็นเหตุให้มีผู้ติดเชื้อโควิด-19 จากการเข้าไปเล่นการพนันในบ่อนดังหลัง บขส.ระยอง พุ่งพรวดขึ้นมาจาก 28 ราย เป็น 85 ราย ล่าสุดเพิ่มขึ้นกว่า 141รายแล้ว...
ร้ายกว่านั้น ต้นตอแห่งเชื้อไวรัสโควิดที่ระยองไม่ได้มีสายสัมพันธ์ใดๆกับไวรัสโควิดเมียนมาร์ ที่ติดกันเป็นพันคนจากตลาดกลางกุ้ง ที่สมุทรสาคร เสียด้วยสิขอรับ...แล้วไวรัสโควิดตัวนี้มันมาจากไหน.....จะตัดตอนยังงัยก็ไม่จบ อย่าเพ่อนับศพตำรวจเชียวพ่อแม่พี่น้อง
ปฏิบัติการเชือด “ตำรวจนอกแถวที่เห็นแก่ได้” แล้วปล่อยปละละเลยให้เกิดการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ในจังหวัดระยอง จะต้องมีผู้รับผิดชอบมากกว่า ผบก.ภ.จว.ระยอง แน่นอน
วาทกรรมของ พล.ต.ต.ปภัชเดช เกตุพันธ์ ผบก.ภ.จว.ระยอง ที่ออกมายืนยันว่า “จังหวัดระยองไม่มีบ่อนการพนันในพื้นที่ระยอง กรณีที่มีการแถลงว่า มีผู้ติดเชื้อโควิด-19 ทั้งหมด 36 คน ติดจากบ่อนการพนัน ความจริงแล้ว มีเพียง 7 คน ที่ติดจากบ่อนการพนันที่แอบเปิดลักลอบเล่นการพนันกันเอง” หลังการประชุมร่วมกับ พล.ต.ท.วีระ จิรวีระ ผบช.ภ.2 และเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองระยอง สภ.มาบตาพุด ย่อมเป็นการสะท้อนภาพการปกปิดความจริงของปมปัญหา
200 วัน นับตั้งแต่การระบาดระลอกแรกในระยอง ที่ประชาชนชาวระยองร่วมแรงร่วมใจกันป้องกันการแพร่ระบาดของไวรัสวายร้ายจะต้องไม่สูญเปล่า และต้องไม่ยอมให้ตำรวจที่รับส่วย ขบวนการมาเฟียบ่อนการพนันมาทำลายผู้คน ด้วยการเป็นแหล่งแพร่เชื้อไวรัสโควิดใหม่ที่ไม่มีคนติดเชื้อมา 200 วัน ให้แพร่ระบาด
หากความผิดจากการรู้ตัวว่าติดโควิดแล้วยังไปเที่ยวโน่นนี่นั่นจนเป็นตัวแพร่เชื้อให้กับคนอื่นถือเป็นความผิดที่จะต้องรับผิดในทางอาญาและต้องรับผิดทางแพ่งในฐานะเป็นผู้ทำละเมิดและมีหน้าที่ต้องชดใช้ค่าสินไหมทดแทน สำหรับความเสียหายที่เกิดขึ้นแก่บุคคลอื่นด้วยฉันใด บรรดาตำรวจและเจ้าของบ่อนที่เป็นตัวการเปิดสถานที่เล่นการพนันจนเป็นเหตุให้มีการแพร่ระบาดของไวรัสวายร้ายจักต้องได้รับโทษที่หนักกว่า
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เคยประกาศไว้ตั้งแต่ 4 ส.ค.2563 คราวยิงกันสนั่นบ่อนพระราม 3 ว่า “ไม่ว่าจะจับกุมได้ที่ไหนก็ตาม ผมลงโทษทุกราย ที่ผ่านมาได้โยกย้ายตำรวจที่ปล่อยปละละเลยให้มีบ่อนการพนัน ใครอยู่เบื้องหลังเรื่องเหล่านี้ต้องรับผิดชอบ ไม่ต้องกังวลตรงนี้ ลงโทษทั้งหมด ไม่มีการละเว้นใครทั้งสิ้น”
นายกรัฐมนตรีในฐานะประธาน ก.ตร.จะต้อง ดำเนินคดีตามกฎหมายกับผู้เกี่ยวข้องอย่างจริงจัง ไม่ใช่แค่ลงโทษโยกย้ายเจ้าหน้าที่ ที่ปล่อยปะละเลย
ใครที่อยู่เบื้องหลังต้องรับผิดชอบ จะลงโทษและดำเนินคดีตามกฎหมาย ไม่ละเว้นใครทั้งสิ้น
พล.ต.อ.สุวัฒน์ ผบ.ตร.พูดชัดแล้วว่า ให้ตั้งกรรมการสอบ 5 เสือโรงพัก อันประกอบด้วย 1.ผกก.ที่เป็นหัวหน้าสถานี 2.รอง ผกก.ป.ที่ทำงานด้านการปราบปราม หรืองานสายตรวจ 3.รอง ผกก.สส.ที่เป็นผู้รับผิดชอบด้านการสืบสวน สอบสวนรวมถึงตำรวจนอกเครื่องแบบ 4.สว.ป.สารวัตรงานป้องกันและปราบปราม 5.สว.สส.สารวัตรงานสืบสวนสอบสวน
แต่ต้องให้ความเป็นธรรมกับ ผกก.โรงพักระยอง และผกก.สืบสวนจังหวัดระยอง เพราะเพิ่งย้ายไปทำงานไม่ถึง 2 เดือน
ล่าสุดมี คำสั่งย้ายข้าราชการตำรวจไปปฏิบัติราชการที่ศูนย์ปฏิบัติการตำรวจภูธรภาค 2 ดังนี้ 1.พ.ต.ท.เกียรติพงศ์ กรมขุนทดรอง ผกก.ป้องกันปราบปราม สภ.เมืองระยอง, 2 พ.ต.ท.โกศล เกิดมณี รอง ผกก.สส.สภ.เมืองระยอง, 3.พ.ต.ท.คำพันธ์ ขวัญทอง สว.สส.สภ.เมืองระยอง และ 4.พ.ต.ต.ธนา วิเศษชัย สวป.สภ.เมืองระยอง
คำถามคือจะหาตัวเจ้าของบ่อน และตำรวจที่รับส่วยได้อย่างไร
พรานฯ จะแปลงกายเป็นสายลับจับนายบ่อนให้ตำรวจดูแบบตาจะแจ้ง ไม่ต้องแถลงแบบ ถถถถถถถถถ..
อีกา พญาเหยี่ยวสายสืบปลิดวิญญาณให้ข้อมูลลึกลับที่มากกว่า นพ.บัญญัติ เจตนจันทร์ ส.ส.ระยอง เขต 2 พรรคประชาธิปัตย์ และรัฐมนตรีตี๋-สาธิต ปิตุเตชะ ที่ประกาศให้คนได้เจ็บใจเล่นว่า “บ่อนระยอง หรือทุกที่ เป็นรมต.ก็ใช่ว่าจะสั่งให้หยุดได้ และสั่งไปแล้วก็ยังเห็นมีอยู่ ติดตาม “จดหมายเปิดผนึก” เรื่องบ่อนในระยองได้เร็วๆนี้”
อันว่า บริเวณริมถนนจิตรพันธ์ (ข้าง บขส.เก่า) ต.ท่าประดู่ อ.เมืองระยอง ซึ่งมีการอ้างว่าเป็นบ่อนพนัน และต้นตอของโควิดที่ระบาดใน อ.เมืองระยอง นั้นเป็นของ “หลงจู๊ ส.ช.” เป็นโกดังถูกสร้างใหม่ 1 ชั้น มีพื้นที่ขนาดใหญ่ พื้นที่โดยรอบถูกปิดมิดชิด เมื่อเปิดบริการข้างในจะมีนักพนันเข้าไปจำนวนมาก ตั้งเเต่ 300-500 คน โดยเปิดแบบทั้งวันทั้งคืน
ข้อมูลอีกาแบไต๋บอกว่า ตอนนี้ผู้ดูแลบ่อนแห่งนี้ติดโควิด-19 ด้วยเช่นกัน...โส น๊า น๊า...
อันว่า บ่อนแห่งนี้ถือเป็นบ่อนใหญ่ที่เคลียร์หน้าเสื่อได้เรียบร้อย โดยบ่อนในเมือง (บขส.เก่า) กับบ่อนที่มาบตาพุด ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจ+ทหาร+ดีเอสไอ กวาดล้าง แว่วว่าได้เงินของกลางไปกว่า 130 ล้านบาทเมื่อเดือนมิถุนายน 2563 แต่จนบัดนี้เรื่องเงียบกริ๊บ เงินตกหล่นรายทางใส่เท้าใครบ้าง อย่าให้พรานฯบอกชื่อเลย ประเดี๋ยวจะถูกฟ้องคดี...เจ้าของใหญ่เป็นคนเดียวกัน
รอบนั้น บิ๊กแป๊ะ-พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา เป็น ผบ.ตร. มีคำสั่งย้าย 5 เสือ ผกก.สภ.มาบตาพุด, รอง ผกก.ป., รอง ผกก.สส.ฯ, สวป.ฯ, และ สว.สส.ฯ ไปปฏิบัติราชการยัง ศปก.ภ.จว.ระยอง พร้อมตั้งกรรมการสอบสวนหาข้อเท็จจริง แต่เงียบกริ๊บ
บัดนาว หุ้นส่วนบ่อนที่มาบตาพุดนั้นกระเจิดกระเจิงแพแตกมาจากบ่อนพัทยา ที่มีนายบ่อนใหญ่ชื่อ นาย พ.กับนายบ่อนชื่อ นาย ม.ซึ่งว่ากันว่ามากบารมี ช่วยแผ้วถางทางแห่งความสัมพันธ์แห่งการจ่ายส่วยที่ว่ากันว่า “มือถึง มือเติบ ได้ทุกคนๆ คนละขีด สองขีด เดือนละสิบยี่สิบโล” มาอาศัยบารมีเจ้าของบ่อนใหญ่ในเมืองระยองประกอบกิจการร่วมกันในลักษณะหุ้นส่วนกัน
หลงจู๊ ส.ช.กับนายบ่อนใหญ่ มีการเคลียร์เบ็ดเสร็จกับทุกฝ่ายทุกระดับ และมีการจ่ายกันเป็นกิโล สองกิโล ต่อเดือน
กิจการบ่อน หลัง บขส.ระยอง ดำเนินตลอดมาด้วยความราบรื่น ลูกค้าอุ่นหนาฝาคั่ง ตั้งแต่เศรษฐี นักธุรกิจ ครู ข้าราชการ พ่อค้าแม่ค้า ยันนักการเมือง...
พ.ต.อ.รศ.พณาเจือเพ็ชร์ กฤษณะราช อดีตสมาชิกวุฒิสภา ระยอง ยืนยันเรื่องนี้ได้ดีกว่าใคร “พณาเจือเพชร์” บอกว่า บ่อนนี้เน้นบ่อนไพ่ มีไฮโล เต๋า ปั่น เป็นตัวประกอบ
อันว่า บ่อนไพ่นั้น มีความจำเป็นต้องใช้ “ดีลเลอร์” ซึ่งก็คือ เจ้ามือคนแจกไพ่ คนคอยคิดเงิน จ่ายเงินให้นักเล่น
ดีลเลอร์ประเภทนี้ คนไทยไม่มีความชำนาญ ต้องใช้ผู้เชี่ยวชาญ และผู้เชี่ยวชาญนั้นต้องนำเข้าจากต่างประเทศซึ่งก็คือ คนเขมร ที่มีบ่อนมาก มีดีลเลอร์ที่เก่ง ประสบการณ์สูง ทุกบ่อนทั่วไทยต้องการดีเลอร์เขมรทุกแห่ง แม้กระทั่งที่สารวัตรและดีลเลอร์โดนยิงตายในบ่อนกทม. ดีลเลอร์ก็คือสาวเขมรนั่นแหละ
การนำดีลเลอร์เข้ามา ส่วนใหญ่เป็นการลักลอบเข้าทางพรมแดนธรรมชาติ โดยผ่านการเคลียร์ทุกระดับประทับใจ เพราะเข้าประเทศอย่างถูกกฎหมายไม่ได้ ถ้าเข้ามาแบบนี้ไม่ต้องกักตัว ไม่ต้องตีตราประทับ ไม่ต้องตรวจหาเชื้อ ห.เหว อะไรทั้งสิ้น เมื่อเข้ามาแล้วก็จะจัดที่พักอาศัยกินอยู่หลับนอนรวมกันตามรีสอร์ตคอนโดบ้านเช่าในเมืองระยอง นั่นแหละ ถึงเวลาทำงานก็ออกไปทำกันเป็นกะ หมุนเวียนกันไปตลอด 24 ชม....อย่าเพิ่งอ้าปากค้างกันเชียว....
“พณาเจือเพชร์” สาธยายชัดๆว่า ทีนี้การเล่นบ่อนไพ่ คนเล่นจะสัมผัสกันใกล้ชิด จามไอใส่กัน หายใจรดกัน ทำนองนั้นแหละ ไหนจะสัมผัสไพ่ ไหนจะสัมผัสเงินที่รับมา จ่ายไป หลายๆครั้ง ป้ายหน้า ป้ายตา ตะโกนก้องร้องแหกปากยามเสีย ปาดเหงื่อ ตัวเอง นี่งัยจึงติดพรวดพราด แล้วมันจะมากขึ้นไปเรื่อยๆเท่าทวีคูณ จากอัตราส่วนโดยเฉลี่ย 1 จะพากันติดโควิด 2.2 คน แต่ที่นี่จะมากกว่า เพราะคนมีหน้ามีตาไม่น้อยเข้าบ่อนนี้ และส่วนใหญ่ปกปิดตัวเอง...อัยหยา...
แค่นี้ก็หนาวอี้ แต่ที่หนาวยิ่งกว่า สายสืบระดับอีกา พญาเหยี่ยวสืบค้นมาว่า นายบ่อน คนดูแลบ่อนติด แล้วเขาคือใครมาดูนี่
ผู้ติดเชื้อโควิดระยอง ที่ไม่มีสัมพันธ์ใดๆ กับที่สมุทรสาคร แต่รากเหง้าที่มาน่าจะเป็นกัมพูชานั้น
รายที่ 1 เป็นหญิงอายุ 55 ปี
รายที่ 2 เป็นหญิงอายุ 51 ปี อาศัยร่วมบ้านกับรายที่ 1
รายที่ 3 เป็นหญิง 51 ปี ขับรถให้รายที่ 1
รายที่ 4 เป็นหญิง 62 ปี เป็นผู้สัมผัสรายที่ 3
รายที่ 5 เป็นหญิง 44 ปี เป็นน้องสาวของรายที่ 1 และ 2
รายที่ 6 เป็นชาย 45 ปี เป็นผู้สัมผัสรายที่ 5 (เสียชีวิตแล้วด้วยโรคโควิด-19)
รายที่ 7 เป็นชายอายุ 26 ปี เป็นหลานของรายที่ 1 และ 2
รายที่ 8 เป็นหญิง 60 ปี เป็นมารดาของรายที่ 2
รายที่ 9 เป็นชาย 55 ปี เป็นผู้สัมผัสหญิงรายที่ 1
พรานฯขอบอกว่า ทั้งหมดล้วนแล้วแต่เป็นครอบครัวเดียวกันกับผู้ดูแลบ่อนพนันหลัง บขส.ระยอง ขอรับนายท่าน
โปรดอ่านอีกครั้ง จะเห็นความสัมพันธ์หญิงรายที่ 1 กับชายรายที่ 9 และชายรายที่ 7 ที่เป้นหลาน โป๊เช๊ะมั้ย
ชายรายที่ 7 นั้น เข้าประชุมอนุกรรมาธิการพนันออนไลน์เสียด้วยสิ...เสียวมั้ย รู้ตัวมั้ยว่าไผเป็นไผ....
อย่าบอกว่า ไม่รู้ว่าเป็นใครนะขอรับ..หุหุ