อาทิตย์ที่ผ่านมานี้ การปราบปรามของทางการเมียนมาที่เรียกว่า SAC กลุ่มทหารที่เข้ามาปกครองประเทศเมียนมา เพราะการไม่ยินยอมรับการปกครองนี้ของประชาชนชาวเมียนมา ทำให้เกิดการอาริยะขัดขืน ด้วยการออกมาเดินขบวนประท้วงตามท้องถนน แต่ทางกลุ่ม SAC เองก็ไม่ยอมลดลาวาศอกเช่นกัน จึงทำให้เห็นภาพการใช้อาวุธจริงเกิดขึ้นแล้ว
ในความคิดส่วนตัวของผม ผมคิดว่านี่เป็นเพียงฉากเริ่มต้นของการปราบปรามเท่านั้น เพราะถ้าคนที่เกิดทันเหตุการณ์เมื่อปี 1962 หรือปี 1988 ปี 2007 ต้องบอกว่าทหารเมียนมาไม่เหมือนทหารประเทศเพื่อนบ้านใกล้เคียงหรอกครับ ทหารเมียนมามีความเด็ดขาดมาก เขาไม่มีความปราณีใดๆ กับประชาชนของประเทศเขาหรอกครับ เหตุผลเพราะประเทศเขามีชนชาติพันธ์เยอะมาก การสู้รบจากความไม่สงบภายในประเทศนั้น จึงมีให้เห็นตลอดเวลา ดังนั้นเวลาเกิดการสู้รบกับกลุ่มที่ขัดแย้งกัน เขาเอาจริงครับ กระสุนจริง ปากกระบอกปืนต้องเล็งขนานกับตัว ไม่ใช่ปากกระบอกปืนเล็งขึ้นฟ้าเหมือนประเทศเพื่อนบ้านครับ ดังนั้นใครดวงไม่ดี ก็รับเคราะห์กรรมกันไปครับ
การประท้วงแบบอาริยะขัดขืนในครั้งนี้ของประเทศเมียนมา เราจะเห็นเขาใช้กลยุทธต่างๆที่งัดออกมาแก้เกมส์การต่อสู้กันอย่างสนุกสนานของทั้งสามฝ่าย เรียกว่าใครมีหมัดเด็ดอะไร ต่างก็งัดออกมาใส่กันอย่างไม่ยั้งเลยครับ ผมอยากนำมาเล่าให้ดูกันนะครับว่าเขาเล่นกันอย่างไร เริ่มจากฝั่งของด้านผู้ประท้วงหรือ CDM ก่อน ในช่วงแรกๆ เขาก็เอาการตีกะทะ เคาะหม้อ เคาะภาชนะในครัวให้เกิดเสียงดัง เพื่อเป็นการหยั่งเสียงดูว่ามีผู้สนับสนุนเขามากแค่ไหนก่อน จากนั้นพอมีความมั่นใจว่ามีมากพอ ก็พากันลงถนน ด้วยการยกมือขึ้นชูสามนิ้ว ในส่วนของฝ่าย SAC หรือฝ่ายที่ทำการเปลี่ยนแปลง ก็เริ่มแก้เกมส์ด้วยการประกาศโน่น นี่ นั่น เพื่อสร้างความมั่นใจให้แก่ผู้สนับสนุนเขา แม้จะมีไม่มาก แต่เขาก็มีอาวุธและกฏหมายที่เขานำมาใช้ได้
ในขณะที่ฝ่ายพรรคการเมืองหรือ NLD ก็ใช้กลยุทธ์ลงโซเชี่ยลโดยใช้ Facebooks ออกมาช่วยฝ่าย CDM และเพื่อเป็นการกระตุ้นต่อมความชอบธรรมให้แก่ตนเอง อีกทั้งยังเป็นการสร้างกระแสการไม่ยอมรับฝ่าย SAC ในต่างประเทศ ซึ่งก็ได้ผลอย่างดียิ่ง เพราะยุคนี้เป็นยุคที่ประชาคมโลก ต้องการมีประชาธิปไตยด้วยกันทั้งนั้น อีกทั้งยังได้จัดตั้งคณะกรรมการสมาชิกรัฐสภานอกสภาฯ หรือ Committee Representing Phidaugsu Hluttaw-Union (CRPH) เพื่อเป็นการยืนยันว่าพรรค NLD ที่ได้คะแนนสูงสุดในการเลือกตั้ง ยังคงมีสถาณภาพอยู่นะ อีกทางหนึ่งให้เห็นว่ารัฐบาลทหาร(SAC)ไม่ใช่รัฐบาลนั่นเอง
เมื่อเป็นเช่นนี้ ฝ่าย SAC ก็ออกมาปฎิบัติการปราบปรามการชุมนุม ด้วยการเพิ่มความรุนแรงหนักหน่วงยิ่งขึ้น เราจะเห็นตั้งแต่ต้นสัปดาห์ที่ผ่านมา มีการใช้กระสุนจริง อาวุธจริงให้เห็นในหัวเมืองใหญ่เช่นที่ เมืองมิจีน่า รัฐกระฉิ่น และที่เมืองมัณฑะลย์ก่อน จากนั้นในวันอังคารที่ 2 และวันพุธที่ 3 ความรุนแรงก็เข้ามาสู่เมืองย่างกุ้ง อย่างที่เราเห็นๆกัน ภาพที่ปรากฏนั้นหวังว่าประชาชนจะเริ่มเกรงกลัว ไม่กล้าลงถนน ซึ่งก็ไม่เป็นผลเท่าไหร่เลย ฝ่ายของ CDM ก็แก้เกมส์ด้วยการประกาศให้บริษัทห้างร้านและข้าราชการทุกคนละทิ้งหน้าที่ ด้วยการรณรงค์เดินเข้าไปหาข้าราชการ เพื่อขอร้องให้หยุดงานร่วมประท้วง แรกๆก็เริ่มจากพนักงานธนาคารก่อน จากนั้นก็เข้าสู่กลุ่มข้าราชการบุคลากรทางการแพทย์และการรถไฟ การขนส่ง กระทรวงคมนาคม แต่ก็ไม่สามารถที่จะทำได้แบบหมดจดทั้งหมดได้ เพราะข้าราชการบางส่วนเขาก็ไม่เอาด้วย จึงได้เริ่มแก้เกมส์ใหม่ ด้วยการส่งสารไปยังกลุ่มข้าราชการให้เข้ามารายงานตัวภายในวันที่ 5 มีนาคม กับฝ่ายตนเองหรือ (CRPH) หากไม่มารายงานตัว ให้ถือว่าขาดความเป็นข้าราชการไปเลย
ในส่วนของฝ่าย SAC เมื่อเห็นเช่นนั้น ก็รีบแก้เกมส์ ด้วยการรีบออกมาลงข่าวทางหน้าสื่อหนังสือพิมพ์ว่า ผู้ใดให้การสนับสนุนฝ่าย CRPH ให้ถือว่ามีความผิดตามกฎหมายมาตรา 124 ในฐานะผู้สนับสนุนการกระด้างกระเดื้องต่อรัฐ ที่มีอัตราโทษจำคุกขั้นสูงสุด 7 ปี อีกทั้งได้กำหนดโทษผู้ต่อต้านไว้สูงมาก ตามมาตรา 102 คือการก่อการกบฎ มีโทษสูงสุดถึงประหารชีวิตเลยทีเดียว นี่คือการแก้เกมส์ระหว่างกันทั้งสามฝ่าย เรียกว่าชิงไหวชิงพริบกันไปมาอย่างสนุกสนาน
ในส่วนของการปราบปรามการประท้วง ก็ได้เกิดการใช้อาวุธออกมายิงแล้ว ตามที่ทุกท่านได้เห็นข่าว รวมทั้งมีการไล่ล่าจับกุมกลุ่มแกนนำในการประท้วง โดยปฎิบัติการในตอนเช้าตรู่แทบจะทุกวัน โดยทางฝั่งของ CDM ที่ไม่มีอาวุธ ก็จะใช้วิธีการแก้เกมส์ด้วยการจัดตั้งกลุ่มการ์ดเฝ้ายามตามตรอก ซอก ซอย ในเวลากลางคืน ถ้าเห็นทหารหรือตำรวจมาก็จะส่งสัญญาณผ่านการเคาะหม้อ เคาะกะทะ หรือขอความช่วยเหลือกันผ่านทางโซเชียลมีเดีย ทำทุกวิถีทางเพื่อให้ทุกคนระดมมาช่วยกันปกป้อง ไม่ให้ฝ่าย SAC ทำงานได้สะดวก
ที่ผมเห็นและตลกมาก คือการที่มีชาวบ้านที่เป็นผู้หญิง ออกมาเอาโสร่ง กางเกงชั้นใน ชุดชั้นใน หรือแม้กระทั่งผ้าอนามัยที่ใช้แล้ว มาแขวนใว้ในที่สูง เพื่อป้องกันฝ่าย SAC บุกเข้ามา เพราะชาวเมียนมาเขาถือมาก เขาจะไม่รอดราวตากผ้า หรือเดินรอดผ่านสิ่งของเหล่านั้น เพราะเขาถือว่าจะเกิดเคราะห์ร้าย ทหารตำรวจกว่าจะใช้ไม้ไปเกี่ยวปลดสิ่งของลง ชาวบ้านก็มีเวลาวิ่งหนีไปกันหมดแล้ว ภูมิปัญญาชาวบ้านจริงๆ ครับ