กว่าจะมาลงตัวที่ “ทราย พีพี ไอส์แลนด์ วิลเลจ”(SAii Phi Phi Island Village) เราเสิร์ซหาอยู่พักใหญ่
ตอนแรกนึกถึง “พีพี ไอส์แลนด์ วิลเลจ บีช รีสอร์ท”จากความชอบไพเวท บีช เหมาะกับการพักผ่อนแบบเงียบสงบและรู้อยู่แล้วว่าหลังโควิดโรงแรมมีโปรโมชั่นที่รับไหวแถมที่นี่ยังฮ้อตสุดๆถ้าไม่มีโควิดฝรั่งต่างชาติเพียบ
เลยเพิ่งรู้ว่าตอนนี้เขารีแบรนด์โฉมใหม่ ภายใต้แบรนด์ “SAii” แห่งแรกในไทย ของ เอส โฮเทล แอนด์ รีสอร์ท แบรนด์ไทยที่ไปสร้างชื่อในมัลดีฟส์ เราจึงไม่พลาดไปประ เดิมโฉมใหม่กัน
ด้วยความที่รีสอร์ทตั้งอยู่บนอ่าวโละบาเกา เกาะพีพีดอน การเดินทางสามารถมาขึ้นเรือได้ทั้งจากกระบี่ และจากภูเก็ต
แต่เราสะดวกเลือกเข้าทางภูเก็ต หลังไฟล์ตลงภูเก็ต ถ้าจองบริการรับ-ส่งไว้กับทางรีสอร์ท เขาก็จะมีรถตู้รับจากสนามบินมายัง อ่าวปอ แกรนด์ มารีน่า เพื่อไปขึ้นเรือสปีดโบ๊ท หรือจะขับรถมาจอดไว้ที่ท่าเรือ ก็สะดวก
ที่นี่มีเล้าจญ์ของโรงแรม ให้เรานั่งรอขึ้นเรือ ดื่ม ชา กาแฟ น้ำอัดลม ขนม ได้โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย
ใช้เวลาแค่ 1 ชั่วโมง สปีดโบ๊ท ก็นำเรามาถึง ทราย พีพี ไอส์แลนด์ วิลเลจ ว๊าวๆหาดทรายขาวเว่อร์ น้ำทะเลใสๆ เอาใจเราไปเลย
ล็อบบี้ของรีสอร์ทไม่เพียงเปิดโล่ง โปร่งสบายเท่านั้น ระหว่างเช็คอิน เราได้รับการแนะนำให้โหลดแอพพลิเคชัน “SAii” ไม่เพียงข้อมูลทุกอย่างของโรงแรมจะอยู่ภายในสมาร์ทโฟนเท่านั้น
แต่ยังมีโปรแกรม “Mobile Concierge Application Service” ผู้ช่วยพกพาส่วนตัวที่จะช่วยดูแลอย่างไร้รอยต่อและปลอดภัย 24 ชั่วโมง สะดวกและรวดเร็วในการสื่อสารทุกความต้องการของเรากับทางโรงแรม
ห้องพักที่นี่มีทั้งหมด 201 หลัง ถ้าจะให้พรีเมี่ยม ต้องพักวิลล่าบนเขา ซึ่งมีอยู่ 12 หลัง เป็นห้องสไตล์“ฮิลไซด์ พูลวิลล่า” พร้อมสระว่ายน้ำส่วนตัว ขนาด 125 ตารางเมตร ได้รับการออกแบบใหม่ทั้ง 8 หลัง น่าจะเหมาะคู่รัก ราคาก็จะเริ่มต้น 6,750 บาทต่อห้อง/ต่อคืน (สำหรับ 2 ท่าน)
รวมทั้งที่เพิ่มขึ้นมาใหม่ คือ ห้องพักแบบ “ฮิลไซด์ พูลวิลล่า 2 ห้องนอน” ขนาด 150 ตารางเมตร ราคา 11,999 บาทต่อห้อง/ต่อคืน (สำหรับ 4 ท่าน) จำนวน 4 หลัง ที่น่าจะตอบโจทย์กลุ่มครอบครัวและเพื่อนซี้ที่ชอบพักผ่อนในแบบส่วนตัว
ส่วนอีก189หลังเป็นห้องพักแบบคอทเทจเรียงรายอยู่ด้านล่างมีทั้งซีวิวและวิวทรอปิคอล การ์เด้นท์ ราคาเริ่มต้น 3,750 บาท แม้จะรูปลักษณ์จะเป็นบังกะโล แต่ภายในห้องมีสิ่งอำนวยความสะดวกทันสมัยครบครัน
เราก็พักห้องแบบคอทเทจชิลล์มากกับบรรยากาศภายในห้องนอนแยกส่วนกับห้องน้ำและห้องแต่งตัว หน้าห้องมีระเบียงนั่งเล่นฟังเสียงธรรมชาติผ่อนคลายอารมณ์สุดๆ
เสน่ห์ของรีสอร์ทอยู่ที่ชายหาดสีขาวละเอียดทอดยาวเคียงคู่ท้องทะเลอันดามันสีฟ้าใสยาวถึง 800 เมตร ท่ามกลางทิวต้นมะพร้าวที่พลิ้วไหวครอบคลุมพื้นที่กว่า 160 ไร่
ความใส่ใจในสิ่งแวดล้อม เห็นได้จากแลนด์สเคปของรีสอร์ทที่กลมกลืนกับธรรมชาติ ไม่เว่อร์วัง ทำเรารู้สึกอบอุ่นที่ได้ใกล้ชิดกับธรรมชาติ
รวมถึงเอกลักษณ์ของห้องพักบังกะโลแบบไทยร่วมสมัย บรรยากาศเหมือนหมู่บ้านภาคใต้ของไทย
ฟ้าใสทะเลสวยขนาดนี้ทำเราอดใจไม่ไหว ไปปักหมุดว่ายน้ำสระ เล่นน้ำทะเล ถ่ายรูปมุมเก๋ไปทั่ว รีสอร์ท
ชอบสุดๆกับมุมนั่งพักผ่อนชมทะเลมากมาย ทั้งเปล เก้าอี้ชายหาด เตียงชายหาด หลากสไตล์
ทะเลสวยและเป็นธรรมชาติมาก อดใจไม่ไหว พร้อมลุยละนะ
ส่วนสระว่ายน้ำมี 2 สระ ถ้าใกล้ล็อบบี้ก็จะเป็น Lazy Pool สระนี้อาจจะมีขนาดเล็กหน่อย เลยไม่พลุกพล่าน ได้ฟิวว่ายน้ำไปด้วยชมทะเลไปพราง
ไกลออกไปจนเกือบสุดปลายหาด ก็จะเป็น Fun Pool สระว่ายน้ำริมทะเล ฟรีฟอร์มขนาดใหญ่ มีสไลเดอร์เล็กๆ และสีสันความสนุกมากมาย
ทั้งใกล้ๆกันยังมีสนามเด็กเล่น “ชาวเกาะน้อย” สำหรับเด็กน้อยวัย 3-10 ปี เสริมทักษะการเล่นสนุก
ขณะที่แหล่งไดนิ่งของโรงแรม Api จัดว่าเป็นห้องอาหารออลเดย์ไดนิ่ง ริมทะเล ให้บริการทั้งวัน ทั้งไลน์บุฟเฟ่ต์อาหารเช้า มื้อกลางวัน มีเมนูอาหารนานาชาติให้เลือกมากมาย
ส่วนดินเนอร์ ในทุกวีคเอนท์จะเสริฟเป็นบุฟเฟ่ต์ซีฟู้ดและอาหารนานาชาติหลายหลาย
อีกทั้งความเป็นเป็นแบรนด์“SAii” ห้องอาหารซิกเนอร์เจอร์ คือ “Mr Tomyam” (มิสเตอร์ต้มยำ) จัดเต็มเมนูอาหารไทยแบบฟิวชั่น ในบรรยากาศริมสระน้ำและวิวทะเล
ความโดดเด่นของแบรนด์อีกเรื่อง คือ “Lèn Be Well” (เล่นบีเวล) กิจกรรมที่จะสร้างแรงบันดาลใจในการดูแลสุขภาพและการเป็นอยู่ที่ดี และประสบการณ์เลือกผสมเครื่องหอมที่ใช้ระหว่างการเข้าพักด้วยตนเอง (bathroom amenities)
ได้แก่ แชมพู ครีมนวดผม เจลอาบน้ำ หรือครีมบำรุงผิว โดยใช้ส่วนผสมและกลิ่นจากธรรมชาติที่หลากหลายจากแบรนด์ M.I.Y Aroma Lab ที่บริการในส่วนนี้จะมีค่าใช้จ่ายเพิ่ม
กิจกรรมที่ไม่ควรพลาดคือการพายเรือคะยักเข้าไปชมผืนป่าช่วงน้ำทะเลขึ้นที่นี่เป็นเกาะเดียวที่มีป่าโกงกางเนอร์เซอรี่สำหรับสัตว์น้ำและโรงแรมมีการจัดกิจกรรมปลูกป่าโกงกางอย่างต่อเนื่อง
ทั้งที่นี่ยังมี“ศูนย์การค้นพบทางทะเล”(The MarineDiscoveryCentre)อยู่ภายในรีสอร์ทเปิดให้เราได้เข้าไปเรียนรู้กิจกรรมการอนุรักษ์สัตว์ทะเลที่ใกล้สูญพันธุ์ของประเทศไทย อาทิ ปลูกปะการัง อนุบาลปลาการ์ตูน ก่อนที่จะปล่อยลงสู่ทะเล
ไหนๆมาเกาะพีพีทั้งที อย่าพลาดที่จะติดต่อโรงแรมเพื่อจองทัวร์ครึ่งวัน หรือวันเดย์ ไปดำน้ำเที่ยวเกาะพีพีเล อ่าวปิเละ จุดดำน้ำตื้นชมประการังที่สวยงาม หรือจะเที่ยวแถวเกาะพีพีดอน ก็มีเกาะรอบๆที่น่าสนใจ
โดยเฉพาะอ่าวยงกะเส็ม หรือ อ่าวลิง คุณไม่ต้องแปลกใจถ้ามีลิงน้อย เดินเข้ามาใกล้ระหว่างที่เรานอนเล่นอยู่หน้าหาดของอ่าว ชายหาดที่อ่าวนี้ขาวเนียนนุ่มนิ่มเหมือนแป้งเลย ให้อยู่ทั้งวันก็ได้นะเนี่ย
มาพักที่นี่แนะนำว่าให้อยู่อย่างน้อย 3 คืน เพราะวันพักผ่อนดีๆภายในรีสอร์ท และการทัวร์เกาะพีพี เป็นประสบการณ์อันเลอค่าสุดๆในเวเคชั่นทริปนี้จริงๆ
คอลัมภ์ : ดีแต่เที่ยว (เช็คที่กิน ฟินเรื่องเที่ยว) BY ธนวรรณ วินัยเสถียร
ข่าวที่เกี่ยวข้อง :