ปิดฉากวัคซีนทางเลือก รัฐจัดให้ 100 ล้านโดส

02 พ.ค. 2564 | 21:10 น.

ปิดฉากวัคซีนทางเลือก “บิ๊กตู่” ประกาศกลางเวทีประชุมร่วมกกร. รัฐมีศักยภาพพอในการจัดหาวัคซีน 100 ล้านโดสเอง ไม่ต้องพึ่งเอกชน มอบ“สุพัฒนพงษ์” จัด 4 ทีมรัฐประกบเอกชนเร่งกระจายวัคซีน ด้านสภาอุตฯแนะรัฐเตรียมหาเงินอีกก้อนใหญ่ฟื้นเศรษฐกิจ ชี้เอาไม่อยู่ใน 3 เดือนใช้อีกหลายแสนล้าน

พลเอกประยุทธ์  จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีได้ออกแถลงการณ์เมื่อวันที่ 23 เมษายน 2564 ปลุกความเชื่อมั่นคนไทยจะเอาชนะโรคร้ายโควิด-19 ไปได้อย่างแน่นอน โดยระบุรัฐบาลยังมีงบเยียวยาและกระตุ้นเศรษฐกิจจากก้อนต่างๆ รวมกว่า 3.8 แสนล้านบาท และจะจัดหาวัคซีนจำนวน 100 ล้านโดสมาฉีดให้คนไทยได้ครบ 50 ล้านคน หรือสัดส่วน 70% ของประชากรให้ได้ภายในสิ้นปีนี้ ในจำนวนนี้ได้จัดหาแล้ว 64 ล้านโดส และอีก 36 ล้านโดสอยู่ระหว่างการจัดหาเพิ่ม และในจำนวนนี้ 10-15 ล้านโดสจะหารือกับภาคเอกชน 3 สถาบัน(กกร.) 

 

เพื่อรับฟังความเห็นถึงแนวทางในการจัดหาและแจกจ่ายวัคซีนที่ภาคเอกชนระบุพร้อมช่วยรัฐบาลจัดหา วัคซีนทางเลือก และยินดีจ่ายค่าฉีดวัคซีนให้กับพนักงานและลูกจ้างเองนั้น

 

ปิดฉากวัคซีนทางเลือก

นายสนั่น อังอุบลกุล ประธานกรรมการหอการค้าไทย และสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย เผยกับ “ฐานเศรษฐกิจ” ว่า ในการประชุมร่วมหอการค้าไทยกับนายกรัฐมนตรีช่วงเช้าวันที่ 28 เมษายน และช่วงบ่ายวันเดียวกันระหว่างนายกรัฐมนตรีกับภาคเอกชน 3 สถาบันได้ข้อสรุปที่สำคัญนอกจากนายกรัฐมนตรีเห็นด้วยในการจัดตั้งคณะทำงานร่วมภาครัฐและหอการค้าไทย 4 คณะเพื่อเร่งแผนการกระจาย โดยมอบหมายให้นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาวน์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เป็นผู้จัดทีมในฝั่งของรัฐบาลมาประสานงานกับภาคเอกชน

อย่างไรก็ดีในที่ประชุมร่วม กกร.นายกรัฐมนตรีได้สร้างความชัดเจนเรื่องวัคซีนทางเลือกที่ภาคเอกชนพร้อมช่วยรัฐบาลจัดหาเพื่อช่วยแบ่งเบาภาระรัฐบาล โดยนายกรัฐมนตรีได้กล่าวขอบคุณภาคเอกชนที่จะช่วยจัดหาวัคซีน แต่ได้แจ้งว่า “คงไม่ต้องแล้ว”โดยรัฐบาลจะเป็นผู้จัดหาทั้ง 100 ล้านโดสเองทั้งหมด ซึ่งรัฐบาลได้เตรียมงบประมาณรายจ่ายตรงนี้เอาไว้แล้ว ขอให้ประชาชนมีความสบายใจว่าทุกคนมีสิทธิ์ได้รับการฉีดวัคซีนเท่าเทียมกันโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย

“ท่านนายกฯบอกว่าคงไม่ต้องแล้ว ซึ่งที่เอกชนได้เจรจากับผู้ผลิตวัคซีนไปก็ต้องบอกว่ามีความยากลำบากมาก เพราะแต่ละประเทศเขาจองวัคซีนกันล่วงหน้าไปเยอะแล้ว กว่าเราจะนำเข้ามาได้ก็คงจะได้พอ ๆ กับที่รัฐบาลนำเข้า ขณะที่รัฐบาลมีอำนาจต่อรองได้สูงกว่า”

ดังนั้นจากที่ก่อนหน้านี้มีบริษัทเอกชนได้แสดงความประสงค์ในการได้มาซึ่งวัคซีนโดยนายจ้างจะเป็นผู้ออกค่าใช้จ่ายเองมีจำนวน 2,629 บริษัท พนักงานกว่า 9.21 แสนคน (ณ วันที่ 28 เม.ย.64) และยังเปิดให้บริษัทอื่นๆ แจ้งความประสงค์ได้อีก ครั้นเมื่อนายกรัฐมนตรีระบุว่ารัฐจะจัดหาวัคซีนเองทั้งหมด ไม่มีวัคซีนทางเลือกแต่ทุกคนจะฉีดได้ฟรี ทางหอการค้าไทยจึงปิดการรับแจ้ง และได้ประชาสัมพันธ์ให้บริษัทที่แจ้งความประสงค์เรื่องวัคซีนฉีดให้พนักงานสามารถไปลงทะเบียนเพื่อจองฉีดวัคซีนผ่านแอพพลิเคชั่น “หมอพร้อม” ได้ตั้งแต่วันที่ 1 พ.ค.นี้

 

ยังพร้อมช่วยรัฐจัดหา

ขณะที่นายเกรียงไกร เธียรนุกุล รองประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) กล่าวว่า รัฐบาลประกาศจะจัดหาวัคซีนเองทั้งหมด 100 ล้านโดสถือเป็นข่าวดีในระดับหนึ่ง ซึ่งส.อ.ท.ขอเป็นกำลังใจให้รัฐบาลในการจัดหาวัคซีนมาให้ทัน อย่างไรก็ดีเอกชนยังเป็นห่วงว่าการได้วัคซีนมาจนถึงสิ้นปีนี้จะได้มาเร็วแค่ไหน ได้ครบเพียงพอตามจำนวนหรือไม่ และจะเร่งฉีดได้ทันตามแผน 100 ล้านโดส 50 ล้านคน เพื่อสร้างภูมิคุ้มกันหมู่ภายในสิ้นปีนี้หรือไม่ ดังนั้นทางภาคเอกชนยังยินดีที่จะใช้คอนเนกชั่นที่มีอยู่กับผู้ผลิตวัคซีนในการช่วยจัดหาเพิ่มเติมให้กับภาครัฐหากมีการร้องขอ

 

จี้เตรียมงบอีกก้อนใหญ่

“สิ่งที่เรายังเป็นห่วง และเน้นย้ำอยู่เสมอคือการจะพลิกฟื้นความเชื่อมั่น และพลิกฟื้นเศรษฐกิจให้กลับมา สำคัญที่สุดคือจำนวนวัคซีนที่ต้องมีเพียงพอ มาเร็ว และเร่งฉีดอย่างรวดเร็ว ดังตัวอย่างสหรัฐที่เคยมีการติดเชื้อและเสียชีวิตอันดับ 1 ของโลกและเศรษฐกิจเขาย่ำแย่ แต่เขาสามารถพลิกฟื้นเศรษฐกิจได้ด้วยวัคซีนที่เวลานี้ฉีดได้แล้วกว่า 220 ล้านคน ครอบคลุม 70% ของประชากร และยังจะระดมฉีดต่ออีก 100 ล้านโดส บวกกับงบกระตุ้นเศรษฐกิจมหาศาลอีกกว่า 1.9 ล้านล้านดอลลาร์ฯ ทำให้เศรษฐกิจของสหรัฐกลับมาเฟื่องฟู และคาดจีดีพีสหรัฐปีนี้จะเติบโตสูงสุดในรอบหลายปี”

ดังนั้นนอกจากรัฐบาลไทยต้องเร่งฉีดวัคซีนแล้ว คงต้องเตรียมงบประมาณในการเยียวยา และกระตุ้นเศรษฐกิจกิจอีกก้อนใหญ่ นอกเหนือจากเวลานี้ยังมีในส่วนเงินกู้เพื่อการฟื้นฟูเศรษฐกิจเหลืออีก 2.4 แสนล้านบาท ทั้งนี้จะใช้เงินเพิ่มมากน้อยแค่ไหนคงขึ้นกับสถานการณ์โควิด หากควบคุมไม่ได้ภายใน 3 เดือน รัฐอาจต้องเติมเงินอีกหลายแสนล้านบาท เพื่อกระตุ้นการจับจ่ายใช้สอย และช่วยเหลือภาคธุรกิจเอสเอ็มอี

ขณะที่นายชัยชาญ เจริญสุข ประธานสภาผู้ส่งสินค้าทางเรือแห่งประเทศไทย(สรท.) กล่าวว่า มั่นใจรัฐบาลจะสามารถจัดหาวัคซีนได้ครบ 100 ล้านโดสภายในสิ้นปีนี้ เพราะสถานการณ์การฉีดวัคซีนในกลุ่มเศรษฐกิจหลักของโลกทั้งสหรัฐฯ จีน และยุโรปได้ระดมฉีดวัคซีนครอบคลุมจำนวนประชากรไปได้มาก ทำให้วัคซีนจะมีเหลือให้จัดหาเพิ่มขึ้น ขณะที่มีวัคซีนแบรนด์ใหม่ๆ เมื่อผ่านการรับรองแล้ว รัฐบาลก็สามารถจัดหาได้เพิ่มขึ้น

หน้า 1 ฐานเศรษฐกิจ ฉบับที่ 3,675 วันที่ 2 - 5 พฤษภาคม พ.ศ. 2564