ก่อนหน้านี้ ได้มีการเผยแพร่ เอกสารการประชุม ของคณะกรรมการด้านวิชาการตาม พ.ร.บ.โรคติดต่อ พ.ศ.2558 คณะอนุกรรมการสร้างเสริมภูมิคุ้มกันโรค และคณะทำงานวิชาการด้านบริหารจัดการและศึกษาการให้บริการวัคซีน จนได้เกิด ประเด็นวิพากษ์วิจารณ์ ในเรื่องที่ว่า ที่ประชุมมีการพูดว่า หากนำ วัคซีนไฟเซอร์เข็มที่ 3 มากระตุ้นบุคลากรที่ฉีด วัคซีนซิโนแวค 2 เข็ม จะแสดงว่าซิโนแวคไม่มีประสิทธิภาพนั้น เกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์ว่า เรื่องดังกล่าวเป็นจริงหรือไม่
ล่าสุด วันนี้ (5 ก.ค.2564) ที่สำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข จ.นนทบุรี นายแพทย์โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค ให้สัมภาษณ์กรณีสื่อสังคมออนไลน์เผยแพร่เอกสารสรุปจากการประชุมเฉพาะกิจ ว่า ในการประชุมเมื่อวันที่ 30 มิ.ย. 2564 ที่กรมควบคุมโรคนั้น เป็นการประชุมด้านวิชาการของ 3 คณะ ประกอบด้วย
มีวัตถุประสงค์ต้องการความเห็นทางวิชาการที่หลากหลาย เพื่อนำข้อสรุปเสนอต่อคณะกรรมการชุดที่รับผิดชอบต่อไป เพื่อให้ความเห็นชอบ นำไปสู่ข้อสั่งการ ก่อนมีการนำเสนอต่อ ศบค. เพื่อทราบ ให้ความเห็นชอบ และนำไปปฏิบัติต่อไป โดยมีผู้เข้าร่วมประชุมทั้งในห้องประชุมและผ่านระบบออนไลน์
นายแพทย์โอภาสกล่าวต่อว่า ขอยืนยันว่าเอกสารที่ถูกเผยแพร่บนสื่อออนไลน์นั้น ไม่เรียกว่าเอกสารหลุด ไม่ใช่เอกสารจริง ไม่ใช่ความเห็นอย่างเป็นทางการของที่ประชุม และไม่ได้อยู่ในรูปแบบของเอกสารสรุปการประชุม การเข้าร่วมประชุมย่อมมีความคิดเห็นแตกต่างกัน การนำเอาข้อความใดข้อความหนึ่งไปเผยแพร่ จำเป็นต้องพิจารณาตามบริบทด้วย สิ่งที่เกิดขึ้นไม่เป็นธรรมกับผู้เข้าร่วมประชุมท่านอื่น
ส่วนการหารือและพิจารณาเรื่องวัคซีนนั้น เนื่องจากสถานการณ์วัคซีนเปลี่ยนแปลงเร็ว องค์ความรู้ใหม่เกิดขึ้นทุกสัปดาห์ เช่น การกลายพันธุ์ของเชื้อมีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา อย่างไรก็ตาม ต้องทำการศึกษาวิจัยถึงประสิทธิภาพและประสิทธิผลของวัคซีนอย่างต่อเนื่อง เพื่อนำไปปรับรูปแบบการใช้ให้เหมาะสม โดยคำนึงถึงประสิทธิผล ความปลอดภัยของวัคซีนเป็นสำคัญ ซึ่งขณะนี้ยังคงเป็นการใช้ในภาวะฉุกเฉิน
“นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข และนายแพทย์เกียรติภูมิ วงศ์รจิต ปลัดกระทรวงสาธารณสุข ให้ความสำคัญกับการให้วัคซีนในกลุ่มบุคลากรทางการแพทย์ ย้ำว่าบุคลากรทางการแพทย์ต้องปลอดภัยจากการปฏิบัติงานสู้โควิด ขณะนี้กำลังรวบรวมข้อมูลทางวิชาการในการนำไปบริหารจัดการสิ่งที่เหมาะสมให้บุคลากรด้านการแพทย์และสาธารณสุข เพื่อนำสิ่งที่ดีที่สุดมอบให้ทันเวลา” นายแพทย์โอภาสกล่าว
เมื่อถามว่าบุคลากรสาธารณสุขยังกังวลเรื่องกระตุ้นเข็ม 3 ว่าจะมีการดำเนินการอย่างไร เพราะขณะนี้หลายคนรู้สึกขาดขวัญกำลังใจมาก นพ.โอภาส กล่าวว่า ทางท่านรองนายกฯ รมว.สธ. และท่านปลัดสธ.ให้ความสำคัญเรื่องความปลอดภัยกับบุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุข ขณะนี้กำลังรวบรวมข้อมูลทั้งหมดว่า ส่วนไหนจะมีความปลอดภัยและเหมาะสมที่สุด ขอให้บุคลากรมั่นใจว่า ทางกระทรวงฯ จะจัดหาสิ่งที่ปลอดภัยทั้งหมดให้
เมื่อถามว่ากรณีการฉีดวัคซีนเชื้อตาย 2 เข็ม แล้วหากกระตุ้นด้วยวัคซีน mRNA จะมีความปลอดภัยมากน้อยแค่ไหน นพ.โอภาส กล่าวว่า เรื่องวัคซีนเราสนใจเรื่องประสิทธิภาพ และความปลอดภัย ซึ่งประสิทธิภาพวัดได้หลายอย่าง เช่น ผลแล็ปในห้องทดลอง แต่ผลแล็ปกับความจริงก็แตกต่างกันไป อย่างไรก็ตาม ผลแล็ปก็คล้ายๆเฟสสอง แต่หากทดลองประชากรกลุ่มไม่มากถือเป็นเฟสสาม และเมื่อผ่านก็จะนำไปสู่ประชาชนกลุ่มมากขึ้น แต่ส่วนใหญ่เรามักเอาผลทางแล็บมาอิงกับผลจริง แต่ผลจริงถือเป็นข้อมูลสำคัญ ส่วนความปลอดภัยของวัคซีน อย่างที่ทราบขณะนี้วัคซีนใช้ในภาวะฉุกเฉิน จึงไม่มีใครทราบผลระยะยาว อย่างบางยี่ห้อที่เป็น mRNA มีประสิทธิภาพดีมาก แต่ใช้ไประยะหนึ่งก็พบว่า ในคนหนุ่มมีกล้ามเนื้อหัวใจอักเสบจำนวนหลายพันราย ซึ่งข้อมูลมีการปรับเปลี่ยนรายสัปดาห์ รายวัน จึงต้องเอาข้อมูลมาวิเคราะห์ว่า อันไหนเหมาะกับประเทศไทยมากที่สุด