กรณี “วัคซีนทางเลือก” ซึ่งมีการเรียกร้องให้นำเข้า “วัคซีนโควิด-19” หลายตัว เข้ามา ในประเทศไทย โดยเฉพาะ “วัคซีน mRNAW ซึ่งมี 2 ยี่ห้อคือ ไฟเซอร์ กับ โมเดอร์นา
โดยในส่วนของ “วัคซีนโมเดอร์นา นั้น ความฝันค่อนข้างเลือนลาง เพราะป่านนี้ยังได้ไม่เซ็นสัญญา โดยร่างสัญญาเพิ่งถูกส่งถึงสำนักงานอัยการสูงสุด
ส่วน “วัคซีนไฟเซอร์” น่าจะได้รับค่อนข้างแน่นอน 20 ล้านโดส ช่วงปลายปี แต่ล่าสุด มีข่าวดีว่าจะได้วัคซีนลอตนี้เข้ามาก่อนจำนวน 1.5 ล้านโดส ภายในเดือนกรกฎาคม
โดยเมื่อเร็วๆ นี้ มีการประชุมของหน่วยงานหนึ่งในกระทรวงสาธารณสุข เพื่อซักซ้อมทำความเข้าใจ และ กำหนดเป้าหมายการกระจาย “วัคซีนไฟเซอร์ ลอตแรก 1.5 ล้านโดส ซึ่งคาดว่าจะกระจายภายในเดือนกรกฎาคม ถึง สิงหาคมนี้ ทันที
เนื้อหาของการประชุมได้มีการอธิบายถึงประสิทธิภาพของ “วัคซีนไฟเซอร์” ในหลากหลายมิติ รวมถึงผลข้างเคียงที่จะเกิดกับการฉีดเข็มแรกมากกว่าเข็มที่ 2 โดยผลข้างเคียงจะเกิดขึ้นภายใน 2-3 วัน และเกิดกับผู้ชายมากกว่าผู้หญิง
วิธีการฉีดวัคซีน จะแบ่งเป็น 2 ครั้ง ระยะห่าง 3 สัปดาห์ ต้องเก็บรักษาในอุณภูมิ -90 ไปถึง -60 องศาเซลเซียส ซึ่งหากเป็นอุณหภูมิระดับนี้ จะสามารถเก็บรักษาวัคซีนไว้ได้นานถึง 6 เดือน แต่หากเก็บไว้ที่อุณหูมิระหว่าง 2 ถึง 8 องศาเซลเซียส จะเก็บไว้ได้เพียงแค่ 1 เดือนเท่านั้น
ส่วนการฉีดและกระจาย “วัคซีนไฟเซอร์” มีการหารือแบ่งกลุ่มเป้าหมายออกเป็น 3 กลุ่ม 3 ทางเลือก คือ
กลุ่มแรก เป็นกลุ่มบุคคลที่มีอายุตั้งแต่ 12 ปี แต่ต่ำกว่า 18 ปี
กลุ่มที่สอง คือ กลุ่มเสี่ยงที่ยังไม่ได้รับวัคซีน ได้แก่ ผู้สูงอายุ, ผู้ป่วยโรคเรื้อรัง และหญิงตั้งครรภ์
และกลุ่มที่สาม คือ บุคลากรด่านหน้า เพื่อกระตุ้นภูมิคุ้มกัน และเป็นการฉีดเข็ม 3 เพราะบุคลากรด่านหน้ามีความเสี่ยงสูง และต้องทำงานใกล้ชิดกับผู้ป่วยโควิด
ประกอบกับที่ผ่านมา มีบุคลากรที่ได้รับวัคซีนซิโนแวค 2 เข็มไปแล้ว แต่ยังติดเชื้ออยู่ โดยข้อเสนอการฉีดวัคซีนเข็ม 3 ให้กับบุคลากรด่านหน้า มีหลายเสียงให้การสนับสนุน
สุดท้ายที่ประชุมมีมติเห็นชอบให้กระจาย “วัคซีนไฟเซอร์” จำนวน 1.5 ล้านโดส ให้กับกลุ่มเสี่ยงที่เป็นผู้สูงอายุตั้งแต่ 60 ปีขึ้นไป รวมถึงหญิงตั้งครรภ์ที่มีอายุครรภ์ 12 สัปดาห์ขึ้นไป
แต่จะต้องอยู่ในพื้นที่เสี่ยงที่มีการระบาดรุนแรง ซึ่งขณะนี้คือ พื้นที่กรุงเทพมหานคร และปริมณฑล เพื่อลดการป่วยรุนแรงและการเสียชีวิต
แต่ยังไม่มีการฉีดให้กับกลุ่ม “บุคลากรด่านหน้า” เนื่องจากยังไม่มีข้อมูลยืนยันว่า เรื่องการฉีดวัคซีน mRNA เข็มที่ 3 เพื่อการกระตุ้นภูมิ