"วัคซีนโควิด" หมอธีระแนะเร่งหาชนิด mRNA พร้อมออกแบบสูตรฉีดสู้โควิด-19

15 ก.ค. 2564 | 11:18 น.
อัปเดตล่าสุด :15 ก.ค. 2564 | 18:37 น.

หมอธีระ แนะเร่งหาวัคซีนชนิด mRNA เป็นวัคซีนหลักของประเทศไทย และใช้ Novavax กับ Johnson & Johnson เป็นทางเลือกเสริม พร้อมออกแบบสูตรฉีดสู้ไวรัสโควิด-19 มุ่งเป้าให้ประชาชนมีทางเลือกในการป้องกันตัวในยามวิกฤติ

รายงานข่าวระบุว่า รศ.นพ.ธีระ วรธนารัตน์ (หมอธีระ) คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก "Thira Woratanarat (ป๊ามี้คีน)" โดยมีข้อความว่า
สถานการณ์ทั่วโลก 15 กรกฎาคม 2564 ทะลุ 189 ล้านไปแล้ว ในขณะที่อินโดนีเซียติดเพิ่มสูงมากถึง 54,517 คน ถือว่ามากกว่าช่วงที่เคยสูงสุดตอนต้นปีถึง 4 เท่า 
เมื่อวานทั่วโลกติดเพิ่ม 534,790 คน รวมแล้วตอนนี้ 189,119,622 คน ตายเพิ่มอีก 8,227 คน ยอดตายรวม 4,073,585 คน
5 อันดับแรกที่มีจำนวนติดเชื้อต่อวันสูงสุดคือ บราซิล อินโดนีเซีย สหราชอาณาจักร อินเดีย และสหรัฐอเมริกา
อเมริกา เมื่อวานติดเชื้อเพิ่ม 32,591 คน รวม 34,844,065 คน ตายเพิ่ม 343 คน ยอดเสียชีวิตรวม 623,785 คน อัตราตาย 1.8% ขณะนี้มีจำนวนการติดเชื้อเพิ่มขึ้นในอเมริกา พบมากในรัฐที่มีอัตราการฉีดวัคซีนน้อย
อินเดีย ติดเพิ่ม 41,854 คน รวม 30,986,803 คน ตายเพิ่ม 580 คน ยอดเสียชีวิตรวม 412,019 คน อัตราตาย 1.3% 
บราซิล ติดเพิ่ม 57,664 คน รวม 19,209,729 คน ตายเพิ่มถึง 1,470 คน ยอดเสียชีวิตรวม 537,394 คน อัตราตาย 2.8% 
รัสเซีย ติดเพิ่ม 23,827 คน รวม 5,857,002 คน ตายเพิ่ม 786 คน ยอดเสียชีวิตรวม 145,278 คน อัตราตาย 2.5% 
ฝรั่งเศส ติดเพิ่ม 8,875 คน ยอดรวม 5,829,724 คน ตายเพิ่ม 6 คน ยอดเสียชีวิตรวม 111,413 คน อัตราตาย 1.9%
อันดับ 6-10 เป็น ตุรกี สหราชอาณาจักร อาร์เจนติน่า โคลอมเบีย และอิตาลี ติดกันหลักพันถึงหลายหมื่น 
สหราชอาณาจักรมีจำนวนผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดเพิ่มถึง 42,302 คน ตายเพิ่มอีก 49 คน เป็นขาขึ้นของระลอกสี่ชัดเจน ทำให้เราเรียนรู้ว่าการป้องกันตัวอย่างเคร่งครัดนั้นจำเป็นอย่างยิ่ง  
แถบอเมริกาใต้ ยุโรป แอฟริกา เอเชีย อย่างชิลี เนเธอร์แลนด์ ฟิลิปปินส์ อินโดนีเซีย ศรีลังกา บังคลาเทศ เนปาล ญี่ปุ่น เมียนมาร์ เกาหลีใต้ เวียดนาม และมาเลเซีย ติดกันเพิ่มหลักพันถึงหลักหมื่น 

รศ.นพ.ธีระ วรธนารัตน์
เกาหลีใต้เกินพันมาติดกันเป็นวันที่ 8 ล่าสุด 1,615 คน สูงสุดเท่าที่เคยมีการระบาดมา ส่วนเมียนมาร์นั้นการระบาดหนักมาก เมื่อวานติดเพิ่มถึง 7,083 คน ตาย 145 คน ในขณะที่เวียดนามทำลายสถิติเช่นกัน ติดเชื้อสูงถึง 2,934 คน

แถบสแกนดิเนเวีย บอลติก และยูเรเชีย ก็มีการติดเชื้อเพิ่มขึ้นหลักร้อยถึงหลักพัน 
แถบตะวันออกกลาง ประเทศส่วนใหญ่ยังติดเพิ่มหลักร้อยถึงหลักพัน ในขณะที่อิหร่านติดเพิ่มหลักหมื่นอย่างต่อเนื่อง
กัมพูชา และออสเตรเลีย ติดเพิ่มหลักร้อย ส่วนจีน ไต้หวัน สิงคโปร์ และลาว ติดเพิ่มหลักสิบ ในขณะที่ฮ่องกง และนิวซีแลนด์ ติดเพื่มต่ำกว่าสิบ
หมอธีระ ระบุอีกว่า เรื่องวัคซีนนั้น หลักการในการเลือกใช้จำเป็นต้องดูข้อมูลให้ถ้วนถี่ ตามข้อบ่งชี้ (indication) ในการใช้ และวิธีการใช้ที่ได้รับการพิสูจน์แล้วตามมาตรฐานสากลที่นำส่งเพื่อพิจารณาขึ้นทะเบียนวัคซีนก่อนที่นำไปใช้ในสังคม
ด้วยสิ่งที่มีในประเทศตอนนี้ หากออกแบบนโยบายระดับชาติเพื่อนำมาต่อสู้โรคระบาด ผมจะใช้ Sinopharm (ซิโนฟาร์ม) 2 เข็ม สำหรับคนอายุตั้งแต่ 18 ปีขึ้นไป และใช้ Astrazeneca (แอสตร้าเซนเนก้า) 2 เข็ม มาเป็นทางเลือก สำหรับคนอายุ 60 ปีขึ้นไป
แต่ที่แน่ๆ คือ จะทำทุกทางเพื่อเร่งหาวัคซีน mRNA (Pfizer/Biontech, Moderna) มาใช้เป็นวัคซีนหลักของประเทศโดยเร็วที่สุด และหา protein subunit vaccine (Novavax) และ Ad26 vector vaccine (Johnson & Johnson) มาเป็นทางเลือกเสริมด้วย ตั้งเป้าว่าหาทั้ง 3 ประเภทมาได้แล้ว จะออกแบบนโยบายต่อสู้ ดังนี้

วัคซีนโควิด-19
12-17 ปี ใช้ mRNA vaccine (แต่ต้องระวังเรื่องกล้ามเนื้อหัวใจอักเสบ/เยื่อบุหัวใจอักเสบ) ทั้งนี้หากมีข้อมูลวิจัยของ Protein subunit vaccine ออกมา ก็อาจนำมาใช้ทดแทน (รอดูผลของ PREVENT-19 trial ของอเมริกา)
18-24 ปี ใช้ Protein subunit vaccine เป็นหลัก และใช้ Sinopharm กับ JJ เป็นทางเลือกสำหรับคนที่มีข้อจำกัดในการรับวัคซีนหลัก
25-59 ปี ใช้ mRNA vaccines เป็นหลัก และใช้ Protein subunit vaccine, JJ, Sinopharm เป็นทางเลือกเสริม
60 ปีขึ้นไป ใช้ mRNA vaccines เป็นหลัก และใช้ Protein subunit vaccine, JJ, Sinopharm, และ Astra เป็นทางเลือกเสริม
ที่สำคัญคือ ต้องปรับเปลี่ยนกลไกนโยบาย รวมถึงกระบวนการจัดซื้อจัดหาวัคซีนใหม่ เพื่อให้สามารถนำเข้ามาได้อย่างรวดเร็วทันเวลา และให้ทุกภาคส่วนมามีส่วนร่วมในการจัดซื้อจัดหาและแจกจ่ายวัคซีนให้แก่ประชาชน ทำให้เกิดความเข้มแข็งของสังคมในระยะยาว 

"มุ่งเป้าให้ประชาชนมีทางเลือกในการป้องกันตัวในยามวิกฤติ" เพื่อให้เกิดสวัสดิภาพและความปลอดภัยในชีวิต 
สถานการณ์การระบาดของไทยเรายังรุนแรง ขอให้เราป้องกันตัวอย่างเคร่งครัด ใส่หน้ากากสำคัญมาก สองชั้น ชั้นในเป็นหน้ากากอนามัย ชั้นนอกเป็นหน้ากากผ้า
ทั้งนี้ "ฐานเศรษฐกิจ" รวบรวมตัวเลขการฉีดวัคซีนโควิด-19 (Covid-19)ในประเทศไทยวันที่ 28 ก.พ.- 14 ก.ค. 64 จากศูนย์ข้อมูล COVID-19 กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข พบว่า มีการฉีดสะสมจำนวน 13,533,717 โดส แบ่งเป็นเข็มที่ 1 จำนวน 10,163,340 ราย และเข็มที่ 2 จำนวน 3,370,377  ราย