กรมการแพทย์แผนไทยฯ เร่งส่งฟ้าทะลายโจรรักษาโควิดระยะเริ่มต้นถึงบ้าน

นายแพทย์ขวัญชัย วิศิษฐานนท์ รองอธิบดีกรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก กล่าวว่า “ทางกรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก ได้จัดทีมแพทย์แผนไทยใจอาสา ออกเยี่ยมบ้านผู้ป่วยโควิด-19 กลุ่มสีเขียว เพื่อแจกยาสมุนไพรฟ้าทะลายโจร และน้ำสมุนไพร 2 ชนิด ได้แก่ น้ำสมุนไพรตรีผลา และ น้ำกระชาย เพื่อใช้รักษาอาการโควิด 19 ในระยะเริ่มต้น”

เนื่องจากสถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด-19 ในประเทศไทย มีผู้ป่วยเพิ่มขึ้นเป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะผู้ป่วย กลุ่มสีเขียว ที่สามารถดูแลตนเองได้และต้องรักษาตนเองอยู่ที่บ้าน ซึ่งคาดว่าจะแจกจ่ายให้กับผู้ป่วยในชุมชนที่มีการแพร่ระบาด จำนวน 2,250 คน โดยล่าสุดทางกรมได้แจกจ่ายให้กับผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 และผู้มีความเสี่ยงต้องกักตัวในบ้านพักอาศัย เทศบาลตำบลไทรน้อย อำเภอไทรน้อย จังหวัดนนทบุรี

จากการศึกษาวิจัย ยาสมุนไพรฟ้าทะลายโจร พบว่า การใช้ยาฟ้าทะลายโจรรักษาผู้ป่วยโควิด-19 นั้นต้องรักษาให้เร็วที่สุด และมีปริมาณยาเพียงพอ คือ มีแอนโดรกราโฟไลด์ ขนาด 180 มิลลิกรัมต่อวัน แบ่งรับประทาน 3 เวลาก่อนอาหาร ต่อเนื่อง 5 วัน จะช่วยลดโอกาสการเกิดปอดบวมและความรุนแรงอื่นๆได้

อย่างไรก็ตาม ผู้ป่วยต้องอยู่ภายใต้การติดตามดูแลของแพทย์ นอกจากนี้ ฟ้าทะลายโจร ยังมีข้อห้าม และข้อควรระวัง ในผู้ที่มีโรคประจำตัว หญิงตั้งครรภ์และหญิงให้นมบุตร โดยล่าสุดสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติให้ใช้ยาสารสกัดจากฟ้าทะลายโจรและยาจากผงฟ้าทะลายโจร สำหรับผู้ติดเชื้อโควิด-19 ที่มีความรุนแรงน้อย เป็นสิทธิประโยชน์ในระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (บัตรทอง) อีกด้วย

นอกจากนี้ยังมีน้ำสมุนไพร 2 ชนิด ได้แก่ น้ำตรีผลา และ น้ำกระชาย ซึ่งน้ำสมุนไพรตรีผลา ประกอบด้วย ลูกสมอไทย ลูกสมอพิเภก และลูกมะขามป้อม โดยผลการวิจัย พบว่า มีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระ ช่วยเสริมภูมิคุ้มกันร่างกาย ช่วยบรรเทาอาการไอ ขับเสมหะ ให้กับผู้ป่วยโควิด-19 ระยะเริ่มต้น

อีกทั้งกระชาย ถูกค้นพบว่ามีศักยภาพในการรักษาโรคโควิด-19 ซึ่งเป็นผลจากงานวิจัยที่มีการคัดกรองสารสกัดและสารประกอบธรรมชาติจากพืชสมุนไพรไทยที่พบในท้องถิ่น จำนวน 122 ชนิด พบว่าสารสกัดที่มีศักยภาพยับยั้งการเพิ่มจำนวนของเชื้อก่อโรคไวรัสโคโรนา ที่ปริมาณความเข้มข้นของยาในระดับน้อยๆ และไม่เป็นพิษต่อเซลล์และมีฤทธิ์แรงที่สุด คือ สารสกัดจากกระชาย

“ผู้ป่วยโควิด 19 กลุ่มสีเขียวที่สามารถดูแลตนเองได้และต้องรักษาตนเองอยู่ที่บ้าน หรือผู้ที่ใกล้ชิดผู้ป่วย ควรให้ความสำคัญในการดูแลสุขภาพให้ถูกสุขลักษณะ เช่น กินร้อน ใช้ช้อนส่วนตัว สวมหน้ากากอนามัย งดเว้นการเข้าไปอยู่ในที่ที่มีผู้คนแออัด พักผ่อนให้เพียงพอ และปฏิบัติตามคำแนะนำของกระทรวงสาธารณสุข อย่างเคร่งครัด”