วันนี้ (25 ก.ค.64) จากกรณีที่สภากาชาดไทย เปิดรายชื่อองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) 38 จังหวัด ที่จองวัคซีนโมเดอร์นา กับสภากาชาดไทย ซึ่ง อบจ.จะต้องสนับสนุนงบประมาณค่าวัคซีนโมเดอร์นา ราคา 1,100 บาทต่อโดสเอง และต้องนำไปฉีดให้กับประชาชนกลุ่มเป้าหมาย โดยไม่คิดค่าใช้จ่าย ตามแนวทางการบริหารจัดการวัคซีนสำหรับประชาชนของสภากาชาดไทย โดยกำหนดให้ อบจ. สั่งจองเข้ามายังสำนักงานบริหารกิจการเหล่ากาชาด สภากาชาดไทย ภายในเวลา 12.00 น. ของวันที่ 21 ก.ค.2564 นั้น
ขณะนี้มี อบจ. 38 จังหวัดแจ้งการจองวัคซีนมายังสภากาชาดไทย คือ อบจ.นนทบุรี ปทุมธานี สมุทรปราการ เชียงใหม่ ชลบุรี ราชบุรี อุดรธานี สระบุรี มหาสารคาม สิงห์บุรี ลำพูน กระบี่ แพร่ สมุทรสาคร เพชรบูรณ์ นครปฐม ร้อยเอ็ด นครนายก พะเยา กาฬสินธุ์ พระนครศรีอยุธยา น่าน นราธิวาส ศรีสะเกษ สุพรรณบุรี อุทัยธานี เชียงราย สุโขทัย อ่างทอง ภูเก็ต อุตรดิตถ์ มุกดาหาร ตาก ชุมพร พังงา ลพบุรี สุรินทร์ และ ปัตตานี
พร้อมเสนอแผนการฉีดวัคซีนตามกลุ่มเป้าหมายที่สภากาชาดไทยกำหนด และผ่านการพิจารณาจากผู้ว่าราชการจังหวัด ส่งมายังสภากาชาดไทย เพื่อพิจารณาจัดสรรโควต้าวัคซีน พร้อมชำระเงินเป็นที่เรียบร้อยแล้ว (ราคา 1,100 บาท/โดส) ซึ่งสภากาชาดไทยจะทยอยจัดสรรวัคซีนให้ไปฉีดแก่ประชาชน ได้ตั้งแต่เดือนตุลาคมนี้
นายวัชระ เพชรทอง อดีตส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า เหตุใดจึงมี อบจ.เพียง 38 จังหวัดเท่านั้นที่ทำแผนขอวัคซีน จึงขอให้นายกฯ อบจ.อื่นๆ และพ่อเมือง ช่วยเร่งรีบดำเนินการทำแผนขอรับวัคซีนจากสภากาชาดไทยโดยด่วนที่สุด ซึ่งไม่ทราบว่าวัคซีนจะมีจำนวนเพียงพอหรือไม่
ขณะนี้มีคำถามจากประชาชนว่า เหตุใดอบจ.และผู้ว่าราชการจังหวัดที่ไม่มีรายชื่อตามประกาศของสภากาชาดไทย จึงไม่เร่งรีบเสนอแผนให้แล้วเสร็จตามกรอบเวลาของสภากาชาดไทย เพราะทุกวินาที คือ ความเป็นความตายของประชาชนทั่วประเทศตามที่ได้เห็นกันอยู่ในขณะนี้ นี่คือปัญหาเร่งด่วนที่สุด เพราะประเทศกำลังเผชิญหน้ากับมฤตยูโควิด-19 ยิ่งกว่ามหาภัยพิบัติใดๆที่เคยมีมาในประวัติศาสตร์ ประชาชนต้องการวัคซีน
คนป่วยต้องการเตียง ไม่ใช่มาสั่งให้กำจัดผักตบชวาให้หมดทั่วทั้งประเทศตอนนี้ ขอให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี สั่งการด่วนให้ยกเลิกงบประมาณกำจัดผักตบชวาทั่วประเทศนับพันล้านบาท ให้เปลี่ยนมาเป็นงบจัดซื้อวัคซีนแทน สัญญาที่ทำกับผู้รับเหมาให้ท้องถิ่นประกาศยกเลิกทุกแห่ง เอาชีวิตของประชาชนก่อน และต้องยกเลิกโครงการ "ได้ครับนายสบายครับท่านทุกโครงการทุกกระทรวง" ที่คาดว่ารวมกันแล้วเกินแสนล้านบาทแน่นอน