26 ก.ค. 2564 นายแพทย์โสภณ เอี่ยมศิริถาวร รองอธิบดี กรมควบคุมโรค แถลงว่า จากกรณีที่มีข่าวปรากฏในสื่อออนไลน์ ว่ามีลูกจ้างคนหนึ่งถูกนายจ้าง ไล่ออกจากงานและที่พัก พร้อมภรรยาและบุตร หลังไปแจ้งผลการ ตรวจพบเชื้อโควิด-19 ให้นายจ้างได้รับทราบ เพราะกลัวผู้ร่วมงานติดเชื้อด้วยนั้น
กรมควบคุมโรค ขอให้ข้อมูลว่า การไล่ผู้ติดเชื้อหรือผู้ป่วยโควิด-19 จะทำให้เกิดผลเสีย และอาจเข้าข่าย “มีความผิดตาม พ.ร.บ.โรคติดต่อ พ.ศ.2558” เนื่องจากอาจทำให้เชื้อไวรัสแพร่กระจายออกไปในวงกว้างยากต่อการควบคุมโรค และอาจทำให้ผู้ป่วยมีความเสี่ยงที่จะเกิดอันตราย
ดังนั้น สิ่งสำคัญคือ หากพบผู้ที่เป็นหรือมีเหตุอันควรสงสัยว่าเป็นโรคโควิด-19 ให้เจ้าของบ้านเช่า หอพัก หรือเจ้าของสถานประกอบการ รีบแจ้งต่อเจ้าพนักงานควบคุมโรคติดต่อ ซึ่งอาจเป็นเจ้าหน้าที่สาธารณสุขที่ปฏิบัติงานในพื้นที่ เพื่อให้เจ้าหน้าที่ทราบและเริ่มการสอบสวนควบคุมโรคโดยเร็ว
ทั้งนี้ ขอให้ประชาชนทุกคนร่วมมือกันปฏิบัติตาม และร่วมกันเป็นหูเป็นตาให้กับภาครัฐ เพื่อช่วยให้ผู้ติดเชื้อไม่ว่าจะมีอาการป่วยปรากฏแล้วหรือยังไม่มีอาการก็ตาม ได้รับการดูแลรักษาตามมาตรฐาน มีความปลอดภัย และลดโอกาสแพร่เชื้อต่อไปยังผู้อื่น
นายแพทย์โสภณ ยังกล่าวเพิ่มเติมว่า สำหรับการแจ้งข้อมูลต่อเจ้าพนักงานควบคุมโรคติดต่อ เมื่อพบผู้ที่เป็นหรือมีเหตุอันควรสงสัยว่าเป็นโรคโควิด-19 ซึ่งเป็นโรคติดต่ออันตรายตาม พ.ร.บ.โรคติดต่อ พ.ศ.2558 นั้น
อย่างไรก็ตาม หากผู้ป่วยไม่สามารถแยกกักตัวที่บ้าน (Home Isolation) เจ้าหน้าที่จะทำการตรวจขั้นยืนยันผลด้วยวิธี RT-PCR อีกครั้ง หากผลเป็นบวกหรือติดเชื้อ จะทำการส่งตัวเข้าศูนย์พักคอย (Community Isolation) เพื่อให้ผู้ป่วยเข้ามาอยู่ในความดูแลของบุคลากรทางการแพทย์และรับยาได้ทันที โดยในส่วนของศูนย์พักคอยฯ จะมีใบยินยอม (consent form) ให้ผู้ป่วยกรอกรายละเอียดข้อมูลก่อนเข้ารับการรักษาในศูนย์พักคอย หรือในกรณีที่ผู้ป่วยเดินทางไปตรวจที่หน่วยบริการ ซึ่งทำการตรวจหาเชื้อโควิด 19 ด้วยชุดตรวจ Antigen Test Kit แล้วมีผลเป็นบวกที่แสดงว่าติดเชื้อ จะทำการส่งตัวเข้าศูนย์พักคอยก่อน โดยไม่ต้องรอผลตรวจ RT-PCR ระหว่างนี้ให้แยกอยู่ไม่ปะปนกับผู้ป่วยยืนยันรายอื่นๆ
ทั้งนี้ กรุงเทพมหานครได้จัดเตรียม ศูนย์พักคอย เพื่อรองรับผู้ป่วยตามนโยบายของ ศบค. โดยมีเป้าหมายกำหนดให้ในพื้นที่กรุงเทพฯ ซึ่งมี 50 สำนักงานเขต ต้องมีเขตละ 1 ศูนย์ ศูนย์ละ 100 เตียง และหากเป็นไปได้ บางเขตมีได้ 2 ศูนย์ ซึ่งจะได้เตียงผู้ป่วยเพิ่มอีก 5,000 เตียง หรือหากทุกเขตใน กทม. มี 2 ศูนย์พักคอยในแต่ละเขต ก็จะได้เตียงผู้ป่วยเป็น 10,000 เตียง
ปัจจุบัน กทม.เปิดศูนย์พักคอยรองรับแล้ว 49 แห่ง ในพื้นที่ 47 เขต สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่สำนักอนามัย กรุงเทพมหานคร โทร.0 2245 4964