นายอุตตม สาวนายน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยภายหลังการพบนักวิเคราะห์และนักลงทุนสถาบัน ว่า กระทรวงการคลังได้ชขี้แจงการทำงานของรัฐบาล โดยเฉพาะการประคับประคองเศรษฐกิจในช่วงที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนา(Covid-19) ซึ่งกระทรวงการคลังยืนยันพร้อมออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะการกระตุ้นภาคการท่องเที่ยวให้ฟื้นตัวขึ้น โดยมองว่าสถานการณ์ดังกล่าวน่าจะคลี่คลายได้ภายในกลางปีนี้ ดังนั้นจึงเชื่อว่าภายในเดือนมิ.ย.-ก.ค. 2563 นี้ เศรษฐกิจไทยจะกลับมาฟื้นตัวได้อีกครั้งอย่างแน่นอน เพราะมาตรการที่จะออกมารองรับนั้นจะเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้ฟื้นตัวได้เร็วขึ้นได้
ส่วนการเบิกจ่ายงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2563 นั้น ยืนยันว่าแม้จะมีความช่าช้าและสามารถใช้เม็ดเงินดังกล่าวได้เพียง 6 เดือนเท่านั้น แต่รัฐบาลได้เร่งรัดให้เม็ดเงินทั้งรายจ่ายเพื่อการลงทุนและรายจ่ายประะจำให้ลงสู่ระบบโดยเร็ว ซึ่งเบื้องต้นจะมีเม็ดเงินเบิกจ่ายลงสู่ระบบในไตรมาส 2 กว่า 4 แสนล้านบาท และอีก 2.4 แสนล้านบาทในช่วงไตรมาสที่ 3 ได้ ซึ่งกระทรวงการคลังได้กำชับให้เร่งรัดการเบิกจ่ายให้ได้ตามเป้าหมายไม่ต่ำกว่า 80% ของงบประมาณรายจ่ายที่ 3.2 ล้านล้านบาท โดยเชื่อว่าในไตรมาสที่ 3 จะสามารถเบิกจ่ายได้ไม่ต่ำกว่า 77% ขณะที่การเบิกจ่ายงบลงทุนรัฐวิสาหกิจจะไม่ต่ำกว่า 80% ของงบลงทุนทั้งหมด 3.5 แสนล้านบาทแน่นอน
"ตอนนี้ได้เร่งรัดเบิกจ่ายงบลงสู่ระบบในชาวงแรก 3.5 แสนล้านบาท เพราะหน่วยงานภาครัฐต่างๆ กระบวนการต่างๆ เสร็จแล้ว เงินจะเข้าสู่ระบบได้ทันทีเมื่อกระบวนการด้านงบประมาณผ่านแล้ว และอีก 9.6 หมื่นล้านบาท ก็ได้ทำ TOR รอไว้แล้ว เงินส่วนนี้ก็จะทยอยลงสู่ระบบต่อไป ทั้งหมดนี้ไม่เกินไตรมาส 2 เงินก็ลงสู่ระบบบหมดแล้ว และมีเงินอีก 2.4 แสนล้านบาทที่อยู่ระหว่างการทำ TOR ใช้เวลาประมาณ 45-50 วัน ก็แล้วเสร็จ ฉะนั้นเงินก้อนนี้ก็จะเข้าสู่ระบบในไตรมาสที่ 3 ต่อไป"นายอุตตม กล่าว
นอกจากนี้ นายอุตตม ยังยืนยันว่า พร้อมให้ความช่วยเหลือภาคตลาดทุนอย่างเต็มที่ หากต้องการให้กระทรวงการคลังออกมาตรการในการดูแลพิเศษใดๆ ออกมา ก็สามารถเสนอได้ เพราะกระทรวงการคลังมองว่าภาคตลาดทุนเป็นตัวขับเคลื่อนหลักของเศรษฐกิจที่สำคัญอีกด้านหนึ่ง ซึ่งกระทรวงการคลังพร้อมร่วมโรดโชว์กับตลท.เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุนต่างชาติด้วย
ด้านนายไพบูลย์ นรินทรางกูร ประธานกรรมการสภาธุรกิจตลาดทุนไทย กล่าวว่า ภาคตลาดทุนยังไม่ต้องการมาตรการในการกระตุ้นตลาดในระยะสั้น แม้ว่าดัชนีจะปรับตัวลดลงในช่วงนี้ เพราะมองว่าตลาดทุนไทยยังมีความแข็งแกร่ง มีพี้นฐานที่ดี ดังนั้นจึงควรปล่อยให้เป็นไปตามกลไกตลาดมากกว่า และข้อมูลจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังที่ให้มานั้น ทำให้นักลงทุนมีความเชื่อมั่นมากขึ้น ดังนั้นจึงไม่น่าเป็นหน่วงในระยะสั้น ส่วนในระยะยาว ต้องการให้กระทรวงการคลัง ส่งเสริมการออมระยะยาว หรือสนับสนุนให้เกิดการลงทุนในตลาดทุนอย่างยั่งยืนต่อไป